ทั้งจรวดยิงรถถัง ระเบิดมือ ปืน ถล่มดาวดัง สมัคร สุนทรเวช! พระ ๒๐ องค์คุ้มครองชีวิต!!
ในช่วงปี ๒๕๑๙-๒๕๒๐ ไม่มีนักการเมืองคนใดจะโด่งดังเป็นพลุเท่ากับนักการเมืองหนุ่มที่ชื่อ #สมัครสุนทรเวช ความเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของนายสมัครในตอนนั้น ถ้าเทียบกับ #นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในตอนนี้ นายสมัครก็ยังมีภาษีกว่าหลายขุม
นายสมัครเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นเดียวกับนายชวน หลีกภัย และจบพร้อมกันในปี ๒๕๐๕ แต่ทว่านายสมัครเกือบจะไม่ได้รับปริญญา เพราะสภามหาวิทยาลัยลงมติให้ลบชื่อออกจากเป็นนักศึกษา ไม่ยอมให้รับปริญญาทั้งๆที่สอบผ่านแล้ว ในฐานที่ดูหมิ่นก้าวร้าวต่ออธิการบดี แต่ทว่าเป็นการดูหมิ่นก้าวร้าวในข้อเขียนที่ลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ในคอลัมน์ที่นายสมัครใช้นามปากกาว่า “นายหมอดี”
เรื่องนี้ทำให้นักหนังสือพิมพ์ทั้งหลายรวมหัวกันต่อสู้เพื่อนายสมัคร จนสภามหาวิทยาลัยยอมกลับมติ ให้ได้รับปริญญาตามสิทธิ์ เลยทำให้ชื่อ สมัคร สุนทรเวช นักศึกษาธรรมดาๆ และนักหนังสือพิมพ์เล็กๆคนหนึ่ง มีชื่อเสียงขึ้นมาทันที
ต่อมาในปี ๒๕๑๑ นายสมัครได้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับนายชวน หลีกภัย และลงสมัครเป็นสมาชิกสภาเทศบาลในนามพรรคในปี ๒๕๑๔ ได้รับเลือกตั้งลอยลำ ต่อมาหลังเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๗ ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติ และได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรของกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๑๘
แม้จะเป็นผู้แทนน้องใหม่ แต่นายสมัครก็อภิปรายในสภาเหมือนกับผู้ชำนาญเวทีที่เป็น ส.ส.มาแล้วหลายสมัย ในการประชุมสภา ถ้าประธานชี้มาที่เขาแล้วบอกว่า “เชิญคุณสมัคร” บรรดา ส.ส.ที่อยู่นอกห้องประชุมหรือในสโมสรรัฐสภาจะรีบเข้ามาในห้องประชุมทันที เพื่อฟังเขาอภิปราย คำอภิปรายของนายสมัครนอกจากจะทำให้เห็นภาพชัดเจน มีข้อมูลหลักฐานเพียบพร้อมแล้ว จังหวะและลีลาของเขายังน่าดูน่าชมไปทุกอย่าง ประชาชนต่างชื่นชมเขาไปทั้งประเทศ
ฉะนั้นเมื่อคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ที่มี พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ เป็นหัวหน้า เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หลังเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ และตั้งนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีฉายา “รัฐบาลหอย” เพราะมีคณะปฏิรูปฯเป็นฝาหอยคุ้มครองให้ นายสมัครซึ่งถือได้ว่ายังเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญที่หลายตนใฝ่ฝันหา ก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ความโด่งดังของเขาประกอบกับท่าทีที่ไม่กลัวใคร ทำให้หลายคนหมั่นไส้ และเป็นที่รู้กันดีในเรื่องปากของนายสมัครที่โผงผางไม่ไว้หน้าใคร ทำให้เขามีศัตรูรอบด้าน แม้ว่านายสมัครจะได้ชื่อว่าเป็นนัการเมืองฝ่ายขวา ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายซ้ายแล้ว ฝ่ายขวาที่ไม่ชอบหน้านายสมัครก็มีอยู่ไม่น้อย ยุคนั้นอยู่ในช่วงของการประกาศกฎอัยการศึก ห้ามการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ไม่มีใครกล้าแตะรัฐบาลในฝาหอย แต่ศัตรูของนายสมัครคงไม่ธรรมดาเหมือนกัน จึงกล้าจะเอาชีวิตรัฐมนตรีมหาดไทยที่อยู่ในฝาหอย
เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๐ ขณะที่ท่าน ร.ม.ต.มหาดไทยเดินทางไปเปิดสัมนาสันนิบาตเทศบาลที่จังหวัดลำปาง ในตอนค่ำได้ไปออกโทรทัศน์ที่สถานีช่อง ๘ ในรายการ “พบประชาชน” นายสมัครได้ใช้เวลาพูด ๑ ชั่วโมง ๑๕ นาที เน้นถึงการพัฒนาท้องถิ่น ระหว่างที่ออกอากาศนั้นก็มีคนโทรศัพท์มาที่สถานีแสดงอาการหงุดหงิดที่นายสมัครพูดไม่จบเสียที และประชดประชันว่า
“จะพูดกันทั้งคืนหรือไง!!”
ทั้งยังซักถามว่านายสมัครพักที่ไหน จะไปไหนต่อ ซึ่งทางสถานีก็ไม่ได้เฉลียวใจ หลังจบรายการ ได้มีประชาชนมาดักดูคนดังที่หน้าสถานีกลุ่มใหญ่ ท่านรัฐมนตรีขึ้นรถของ พล.ต.ท.ประสงค์ ศักดิ์สุภา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๘ ออกไป โดยมีรถของ นายไสว ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นางเทียม สุวรรณอัต นายกเทศมนตรี เทศบาลลำปาง และรถของผู้สื่อข่าวตาม
ตามหมายกำหนดการ นายสมัครจะไปร่วมงานขันโตกดินเนอร์ ซึ่งจัดที่โรงเรียนลำปางกัลยาณี เพื่อต้อนรับนายกเทศมนตรี เทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลทั่วประเทศ ๔๐๐ คน แต่ พล.ต.ท.ประสงค์ได้รับรายงานว่ามีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นห่างจากสถานีช่อง ๘ ไปราว ๕ กม. จึงบอกท่านรัฐมนตรีว่าจะไปส่งท่านก่อน แล้วจะขอไปตรวจสถานที่เกิดหตุ แต่นายสมัครบอกให้ไปเลย จะไปด้วย
ฉะนั้นเมื่อรถออกจากสถานีช่อง ๘ แทนที่จะเลี้ยวซ้ายตามกำหนดการเดิม จึงเลี้ยวขวา ในทันที่ที่เลี้ยวขวานั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น คนในรถยังเข้าใจว่าอาจเป็นหม้อไฟฟ้าระเบิด พอมีเสียงระเบิดครั้งที่ ๒ จึงเห็นแสงไฟสีส้มปนเขียวสว่างวาบขึ้นที่กำแพงสถานีทีวี ห่างรถไม่ถึง ๑๐ เมตร แรงอัดทำให้รถสะเทือน กระจกแตก และยังมีเสียงปืนดังมาอีก จึงรู้ตัวว่าตกเป็นเป้าโจมตีแล้ว พ.ต.ต.กิติโชติ แสงนิล นายตำรวจติดตาม ที่นั่งอยู่ด้านข้าง จึงกดตัวท่านรัฐมนตรีลงกับพื้นรถแล้วคร่อมร่างนายสมัครไว้ พล.ต.ท.ประสงค์ซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับ ก็โถมทับลงมาอีกคน ได้ยินเสียงท่านรัฐมนตรีบอกว่า
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ”แล้วสั่งให้คนขับเร่งเครื่องแซงรถวิทยุที่นำหน้าขึ้นไป
ปรากฏว่านายสมัครเพียงถูกเศษกระจกรถที่แขนเท่านั้น แค่ปัดออกก็ไม่มีร่องรอย รีบไปหาแหล่งความปลอดภัยที่โรงพักไว้ก่อน และไม่กล้ากลับไปนอนโรงแรมเอเซียลำปางที่บุ๊คไว้ ต้องไปนอนที่บ้านพัก พล.ต.ท.ประสงค์ ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค ๘ ตร.จับผู้ต้องหาได้ ๒ คน เป็นจ่าสิบเอก สังกัดกรมผสมที่ ๗ ร.พัน ๔ ลำปาง กับพลทหารสังกัดกองร้อยชาวเขา ท่านรัฐมนตรีมหาดไทยร่วมสอบสวนด้วย แต่ผู้ต้องหาทั้งสองปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ท่านรัฐมนตรีจึงให้ปล่อยไปทั้งสองคน แต่ให้บันทึกการจับกุมไว้
ตำรวจได้ตรวจที่เกิดเหตุ พบหางจรวด ๒ หาง ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของจรวด เอ็ม.๗๒ สำหรับต่อสู้รถถัง และ ๒๒ น.ของคืนนั้น ร.อ.บุ ทองคำกุล นายทหารนอกราชการ อายุ ๖๕ ปี ก็มาแจ้งว่า มีหัวจรวดที่ยังไม่ระเบิดตกยู่ในบ้านที่อยู่ข้างสถานีช่อง ๘ อีกหัวหนึ่ง
รุ่งเช้า ตำรวจท้องที่ ตำรวจ ตชด. และทหาร ได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่าคนร้ายมีไม่เกิน ๓ คน ดักซุ่มอยู่บนฐานชั้นที่ ๒ ของเจดีย์วัดป่ารวก ซึ่งเป็นวัดพม่า มองเห็นรถนายสมัครได้ชัดเจน และอยู่ห่างประมาณ ๒๐๐ เมตร มีก้นบุหรี่กรองทิพย์ตกอยู่เกลื่อน แสดงว่าคนร้ายมาดักรอเป็นชั่วโมงแล้ว และถ้านายสมัครไม่ไปดูสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม ก็ต้องผ่านมาทางเจดีย์นี้ ซึ่งคงไม่รอดแน่
เจ้าหน้าที่พบว่ากระสุนนัดแรกตกที่เพิงขายอาหารของชาวรถ ๔ ล้อเล็ก ห่างจากที่ยิง ๑๔๕ เมตร เคราะห์ดีที่ไม่มีใครอยู่ เพราะเก็บร้านแล้ว นัดที่ ๒ ตกห่างจากรถของรัฐมนตรีมหาดไทย ๑๐ เมตร ห่างจากที่ยิง ๒๐๐ เมตร ถูกกำแพงคอนกรีตของสถานีทีวีเป็นรูกว้าง ๕ นิ้ว ยาว ๑ ฟุต ใกล้ๆกันยังพบหลุมระเบิดกว้าง ๑ คืบ ลึก ๓ นิ้ว ซึ่งเกิดจากระเบิดมือที่ใช้ขว้าง ส่วนลูกที่ ๓ ซึ่งหัวไม่ระบิดตกในบ้านข้างสถานี
แสดงว่า “คนดัง” สมัคร สุนทรเวช ถูกถล่มครั้งนี้ โดนจรวดยิงรถถังเข้าไปถึง ๓ ลูก แถมระเบิดมือและปืนอีก แต่ก็เจ็บน้อยกว่าแมวที่บ้านข่วน ทั้งคนรอบด้านก็ไม่มีใครเป็นอันตรายเลย
พล.ค.สวัสดิ์ สงวนประเทศ ผบ.มทบ.๗ ค่ายสุรศักดิ์มนตรี พร้อมด้วย พ.อ.อรุณ สังขพงษ์ รอง ผบ. และ พ.อ.อรัญ เสนะวงศ์ เสนาธิการ ได้ร่วมกันชี้แจงถึงจรวดแบบ เอ็ม.๗๒ นี้ว่า เป็นปืนต่อสู้รถถัง มีลักษณะเป็นแท่งกลม ยาว ๒ ฟุต เส้นผ่ศูนย์กลาง ๑ นิ้วครึ่ง บรรจุกระสุนเป็นจรวดมาในตัวสำเร็จรูป ใช้ยิงได้ครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนยิงต้องดึงส่วนท้ายออกไป ๑ ฟุต ซึ่งจะทำให้ศูนย์หน้าและศูนย์หลังพร้อมไกปืนเด้งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ผู้ยิงจะต้องใช้มือข้างหนึ่งจับปากกระบอกปืน อีกมือหนึ่งเหนี่ยวไกประทับยิง จรวดกระทบเป้าแล้วจึงระเบิด อเมริกาเป็นผู้ผลิตใช้ในกองทัพ แต่ทาง มทบ.๗ ยังไม่มีใช้ คงเป็นอาวุธเถื่อนที่ลักลอบเข้ามาจากฝั่งลาว และผู้ใช้ต้องมีความชำนาญมาก ซึ่งคงต้องผ่านการรบนอกประเทศมาแล้ว
ขากลับกรุงเทพฯ ตามหมายกำหนดการนายสมัครจะต้องขึ้นเครื่องบินของบริษัทเดินอากาศไทยเช่นเดียวกับขาไป ต้องเปลี่ยนแผนไปใช้ ฮ.ส่งที่สนามบินเชียงใหม่ แล้วขึ้นเครื่องบินตำรวจกลับกรุงเทพฯ แต่กระนั้นนายสมัครก็ไม่ได้แสดงอาการตระหนกตกใจกับเรื่องนี้มากนัก ไม่ได้เพิ่มการอารักขาขึ้นอีก นอกจากแปลกใจและสงสัยว่าเดินทางไปเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศมาแล้วไม่เคยมีเรื่อง และพูดซ้ำๆว่า
“ผมอยากรู้นัก เขาทำผมทำไม...ผมทำผิดอะไร?”
เมื่อกลับมาถึงกรุงเทพฯ นายสมัครได้เดินทางไปที่โรงแรมอินทรา เพื่อเป็นประธานในงานของสมาคมศิษย์เก่าอัสสัมชัญ และได้เล่าเรื่องราวที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์นี้ให้บรรดาศิษย์เก่าฟัง ทั้งยังได้เปิดอกเลื้อโชว์พระที่ห้อยคอไว้ประมาณ ๒๐ องค์ให้ดูด้วย
บุคคลต่างๆได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า การถล่มนายสมัครครั้งนี้ค้องเป็นการเมืองแน่ ทั้งนายสมัครก็มีศัตรูทั้งฝ่ายซ้ายฝ่ายขวา ต่างมีความเห็นสอดคล้องไปในแนวทางเดียวกับ พล.อ.ทวิช เสนีย์วงศ์ อดีต รมต.กลาโหม ซึ่งเคยอยู่ทีมเดียวกับนายสมัครเมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งเขตดุสิต เชื่อมั่นว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องการเมือง เพราะนายสมัครไม่ใช่พ่อค้า แต่ก็ไม่ใช่ ผกค.ฝ่ายซ้ายเป็นคนยิง เพราะเหตุเกิดในเมืองย่านชุมชน
“คงเกิดจากบุคคลที่เสียผลประโยชน์ทางการเมืองมากกว่า” พล.อ.ทวิชสรุป
อย่างไรก็ตาม แม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องอุกอาจอย่างเอิกเกริก หมายสังหารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยอาวุธสงครามร้ายแรง แสดงว่าคนร้ายไม่เกรงกลัวกฎหมายและอำนาจรัฐแม้แต่น้อย แต่ไม่นานเรื่องนี้ก็เงียบหายกลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง ปล่อยให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาจนเลิกวิจารณ์กันไปเอง เปลี่ยนไปวิจารณ์เรื่องอื่นที่มีเรื่องอึมครึมประเภทนี้ให้พูดถึงกันอีกมาก ในยามที่ประเทศปกคลุมไปด้วยอำนาจมืด!
ที่มา : เรื่องเก่าเล่าสนุก/18 มุงกฎ เล่าเรื่อง
ที่มาของข้อมูลจากเพจ นักเลงโต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น