คลังบทความของบล็อก

1 มีนาคม 2563

ที่มาของคำว่า "ความแปลกแยก"

 

ความรำลึกย้อนหลัง
ที่มาของคำว่า "ความแปลกแยก"
44 ปีที่จากไป : ระลึกถึง ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน

ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน เข้ามาสอนที่ธรมศาสตร์ในปีที่ผมจบจากแผนกวิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ คือในปี พ.ศ.2508 เราจึงไม่ได้เป็นศิษย์ เป็นอาจารย์กัน แต่มาเป็นเพื่อนกันแทน ผมกับเพื่อนมิตรหลายคนในช่วงหลังเหตุการณ์ "14 ตุลาคม 2516" ได้เข้าไปเป็นสมาชิกพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย เช่น คำสิงห์ ศรีนอก ( เคยมีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย ) ศรีศักดิ์ นพรัตน์ วิสา คัญทัพ อุดร ทองน้อย ประยงค์ มูลสาร ( ยงค์ ยโสธร ) ธัญญา ชุณชฏาธาร ฯลฯ ไม่แน่ใจว่าในจำนวนนี้มี ทวี หมื่นนิกร ปรีดี บุญชื่อ และ นพพร สุวรรณพานิช รวมอยู่ด้วยหรือไม่

หลังเหตุการณ์ " 14 ตุลาคม 2516 " ผมเคยได้รับการชักชวนให้เข้าสู่แวดวงการเมือง ทั้งจากพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย พรรคพลังใหม่ และพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผมปฎิเสษไปด้วยเหตุผลง่ายๆว่า "ผมไม่เหมาะจะเป็นนักการเมือง"

ครั้งหนึ่ง ดร.บุญสนอง ในช่วงก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ( วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 ที่จอมพลถนอม กิตติขจร ทำรัฐประหารยึดอำนาจตัวเอง และ อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เขียน "จดหมายเปิดผนึกจากนายเข้ม เย็นยิ่ง ถึงผู้ใหญ่บ้าน ทำนุ เกียรติก้อง " ) ครั้งนั้น ดร.บุญสนองเคยชวนผมนั่งรถเก๋งส่วนตัว เพื่อเข้าไปดื่มกันที่บ้านในซอยด้านหลังโรงแรมอพอลโล ถนนวิภาวดีรังสิต ถ้าจำไม่ผิด คืนวันนั้นมีวิสา คัญทัพ และบัณฑิต เองนิลรัตน์ ( ปัจจุบันเปลี่ยนนามสกุลเป็น "เพียรอำไพ" ) ร่วมเข้าไปนั่งดื่มด้วย คืนนั้นเราดื่มด้วยกัน คุยกันเรื่องปรัชญาทางสังคม เรื่อง "คนนอก" ของ อัลแบร์ต์ กามูส์ และเข้าใจว่าที่นี่เอง คือที่เกิดของศัพท์ภาษาไทยว่า "แปลกแยก" ที่มาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Alienation ( โดยการเอาคำว่า "แปลกหน้า" กับ "แตกแยก" มาสร้างใหม่เป็นคำใหม่ว่า "แปลกแยก" ) และตั้งแต่นั้นมาคำๆนี้ก็ติดปาก และถูกใช้เป็นคำเกิดใหม่ในภาษาไทย และเรื่องนี้ผมให้เครดิตการเกิดคำๆนี้กับ ดร.บุณสอง ทั้งหมด จำได้ว่า อ.บุณสนองได้นำคำๆนี้ไปใช้ในตำราเล่มหนึ่งของท่านด้วย

ในคืนที่ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ซึ่งมีฐานะเป็นเลขาธิการพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย ได้ถูกลอบยิงเสียชีวิตตรงบริเวณปากซอยทางเข้าบ้าน ริมถนนวิภาวดีรังสิต ( 28 กุมภาพันธ์ 2519 ) เมื่อทราบข่าวเรื่องนี้ในเช้าวันรุ่งขึ้น ( 29 กุมภาพันธ์ ) ผมรู้สึกแปลกแยกกับสังคมไทยเป็นที่สุด เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของวงจรอุบาวท์แห่งคำว่า "ขวาพิฆาตซ้าย" ที่จะค่อยๆรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือด " 6 ตุลาคม 2519 "

ด้วยความระลึกถึง ดร.บุณสนอง บุณโยทยาน และครอบครัว
เวลามากกว่า 40 ปี ผ่านไป มันเหมือนสังคมไทยยังไร้ความหมาย แปลกหน้า แตกแยก และ "แปลกแยก" อย่างสิ้นเชิง

และ ณ พื้นที่นี้ - แม้ในเวลาปัจุบัน ความแปลกหน้า แตกแยก และ "แปลกแยก" ก็ยังคงคุกรุ่น และแตกตัวของมันเองซับซ้อนมากขึ้นเป็นทบทวี โดยปลุกความเกลียดชัง ที่เปลี่ยนจากคำว่า "คอมมิวนิสต์" มาเป็นคำว่า "ชังชาติ" และ "หมิ่นสถาบัน"

ก็หวังว่า "วงจรอุบาทว์" แห่งความเกลียดชังที่ว่านี้จะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซํ้ารอย !

--------------------

หมายเหตุ : 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2519 ภาพวันรดนํ้าศพ ดร.บุณสนอง บุณโยทยาน ที่ศาลาวัดตรีทศเทพ อ.ทัศนีย์ ผู้เป็นภรรยา หลั่งนํ้าตามองดูสามีสุดที่รักของเธอเป็นครั้งสุดท้าย ผมและภรรยา และเพื่อนมิตรหลายคนในพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย ได้ไปร่วมไว้อาลัยในคืนวันนั้น

เครดิตจาก อาจารย์ สุชาติ สวัสดิ์ศรี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น