ขอบคุณภาพประกอบจาก google
ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผมได้รับมอบหมายจากพ่อ ให้ไปซื้อข้าวสาร จากองค์การคลังสินค้าแห่งประเทศไทย ผมจำได้ว่าสมัยนั้นอยู่ใกล้ๆกับวัดพระแก้ว(ประมาณนี้หากจำผิดขออภัย) เมื่อซิ้อแล้วเจ้าหน้าที่จะมอบบิลรายการสั่งซื้อให้ เรานำบิลสั่งซื้อไปขึ้นข้าวสารที่โกดังแถบราษบูรณะ ในสมัยนั้นเราตัองนำสิบล้อไปขึ้นแพขนานยนต์แถวพระประแดง เพื่อไปที่โกดังซึ่งเป็นที่เก็บข้าวสารขนาดใหญ่ มีโกดังมากมายพร้อมกับ''จับกัง''แบกข้าวสารนับร้อยชีวิต ผมได้พบเจ๊นันที่นี่...เจ๊นันและผมถูกชะตากัน ด้วยความที่ผมเป็นลูกเจ๊ก เจ๊แกก็ชอบเด็กหนุ่มผิวขาวหน้าตาแย้มยิ้มและเป็นกันเองอย่างผม เราจึงสนทนาปราศัยอย่างคนกันเอง เจ๊น้นเล่าอดีตอันขมขื่นของแกให้ผมฟัง เจ๊นันหรือ''นายอนันต์''เป็นกระเทยในวัยประมาณ50ปึ แกเป็นชาวขอนแก่นรูปร่างสูงใหญ่ผิวดำแดง ริมฝีปากสีแดงของแกทาลิบสติกเป็นนิจ ใบหน้าพอกด้วยแป้งผัดหน้าราคาถูก รูปร่างของแกเหมาะเป็นนักรบโบราณมากกว่าเป็นอย่างอื่น พระเจ้าคงเล่นตลกกับแกเป็นแน่ เจ๊นันเช่าบ้านหลังเล็กๆกับผัวหนุ่มจับกังของแก ผัวหนุ่มขี้เหล้ามักเห็นแกเป็นกระสอบทรายเคลื่อนที่อยู่เสมอๆ เป็นเรื่องน่าแปลก...ที่เจ็นันมักเจอผัวนักมวยที่ชอบใช้ร่างกายของแก เป็นที่ระบายอารมณ์เวลาเมาอยู่เนืองนิจ แกทนไม่ไหวแกก็ต้องหอบผ้าหนีตายไปที่อื่น ทำไปทำมาแกก็ต้องกลับมาประกอบอาชีพ''จับกัง''เช่นเดิม แกเล่าว่าอาชีพอื่นๆแกไปไม่รอด แล้วแกก็เปลี่ยนผัวไปเรื่อยๆ เช่นกัน ชีวิตของแกวนเวียนอยู่เช่นนี้ ตั้งแต่แกอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซํ้า ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ผิวดำเข้มซึ่งเป็นปมดับในปมด้อยของคนเพศทางเลือกอย่างเจ็นัน ทำให้แกไม่มีทางเลือกมากนักในการใช้ชีวิต บวกกับนิสัยหงิมๆเงียบๆของแก มันทำให้แกใช้ชีวิตที่ยากขึ้น พระเจ้าปั้นแกอย่างไม่เต็มใจปั้น พระเจ้าโหดร้ายกับแกเกินไป
ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ ภาพเก่าเล่าอดึต
ภายในโกดัง...กองกระสอบป่านบรรจุข้าวสาร เรียงรายเป็นทิวแถวเป็นระเบียบ มันสูงจนผมต้องแหงนคอมอง ไม้แผ่นหนาหลายแผ่นยาวไม่ตํ่ากว่า10เมตร พาดไปมาตามกองกระสอบข้าวสาร มันไต่ระดับตั้งแต่ด้านล่างจนถึงด้านบนของกระสอบข้าวสาร เหล่าจับกังแบกข้าวสารหนัก100กิโลเหมือนแบกปุยนุ่น เหงื่อออกโซมกาย รอยต่อตามซอกแถวของกระสอบข้าวสาร ซุกซ่อนไว้ด้วยยาชูกำลังแบบพื้นบ้าน มันถูกบรรจุไว้ในซองพลาสติกเล็กๆ ยาชูกำลังที่ผมเอ่ยถึงคือ''ยาม้าและใบกระท่อม'' จับกังบางคนกำลังง่วนอยู่ตรงจุดนี้ ผมสอบถามถึงยาชูกำลังของเจ๊นัน เจ็แกมองซ้ายมองขวาแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วงัดซองพลาสติกยับยู่ยี่พลางล้วงสิ่งหนึ่งออกมา มันคือ''ยาม้า''นั่นเอง แกบอก...ถ้าขาดมันแกก็อยู่ไม่ได้
อีกดรั้งที่ผมได้เจอเจ๊นันที่โกดัง ใบหน้าของแกบวมปูดริมฝีปากแตกบวมเจ่อ แกยิ้มให้ผมเศร้าๆพร้อมหลบตา ผมยิ้มให้แกและแกล้งมองไปทางอื่น ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าแกโดนอะไรมา และวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมเจอเจ๊นัน ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้า หรือ...เคราะห์กรรมที่ประสบพบเจอในชาตินี้ เป็นผลกรรมในอดีตชาติ แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็หาที่มาที่ไปไม่ได้เช่นกัน โลกนี้มักมีคำถามที่ไม่เคยมีคำตอบ วันหนึ่งผมไปรับข้าวสารที่โกดังเช่นปกติ เจ๊นันหายไป...สอบถามอาเจ้กที่คุมโกดัง แกเล่าว่าเจ็นันหายหน้าไปหลายวันแล้ว ได้ข่าวว่าหนีผัวใหม่แล้วสาบสูญไปเลย ผมนั่งรถบรรทุกข้าวสารที่หนักอึ้งกลับสัตหีบ แต่ในหัวของผมหนักกว่า เพราะในหัวมันมีแต่คำถามกับชะตาชีวิตของเจ๊นัน หรือนี่คือ''วิบากกรรม''ที่หลวงพี่หลวงพ่อทั้งหลายมักเรียกกัน และหรือเป็นสิ่งที่เจ๊นันเลือกเอง ?
บันทึกจากประสบการณ์ที่ได้พบเจอของผมเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น