สงครามกลางเมืองลาว 2479-2518
สงครามกลางเมืองลาว (พ.ศ. 2496-2518) เป็นการสู้รบระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชาวลาวมีเชื้อสายมาจากชาวลาวในประเทศเวียดนามเหนือ กับรัฐบาลราชอาณาจักรลาว โดยทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายต่างก็ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจแห่งสงครามเย็น ที่อยู่ในหมู่ทหารอเมริกันจากกองกิจการพิเศษ หน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา และทหารผ่านศึกชาวม้งที่เรียกสงครามนี้ว่า สงครามลับ (Secret War)
สำหรับราชอาณาจักรลาวกลายเป็นสมรภูมิลับระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ในสงครามเวียดนาม ซึ่งมีสนธิสัญญาไมตรี และสมาคมฝรั่งเศส-ลาวที่ลงนามในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2496 เหตุการณ์นี้มีส่วนส่งผลให้ฝรั่งเศสถ่ายโอนอำนาจที่เหลือคืนให้กับรัฐบาลลาวในระบอบกษัตริย์ ยกเว้นก็แต่อำนาจควบคุมการทหาร
สงครามลาวไทย
โดยสนธิสัญญาที่ว่านี้ไม่มีตัวแทนจากขบวนการลาวอิสระ ซึ่งถือว่าเป็นกองกำลังติดอาวุธซึ่งมีความคิดต่อต้านการล่าอาณานิคมและสนับสนุนแนวคิดชาตินิยม ได้ร่วมลงนามด้วย สำหรับสนธิสัญญายังสถาปนาให้ลาวเป็นสมาชิกซึ่งมีสถานะเป็นเอกราชในสหภาพฝรั่งเศส หลังจากที่สนธิสัญญาได้รับการลงนาม ก็ได้มีการต่อสู้กันทางการเมืองระหว่างฝ่ายนิยมความเป็นกลาง นำโดยเจ้าสุวรรณภูมา รัตนวงศา, ฝ่ายขวา
ซึ่งเหตุการณ์นี้นำโดยเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาศักดิ์ และฝ่ายซ้าย ในนามแนวร่วมรักชาติลาว และยังนำโดยเจ้าสุภานุวงศ์ และไกสอน พมวิหาน นายกรัฐมนตรีในอนาคต ที่มีความพยายามหลายครั้งที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสม จนกระทั่งสามารถจัดตั้งรัฐบาลสามพรรคได้สำเร็จ โดยจัดตั้งขึ้นที่นครเวียงจันทน์
เจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก
ความขัดแย้งในประเทศลาว
สำหรับการสู้รบในประเทศลาวนั้นถือว่าเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพเวียดนามเหนือ, กองทัพอเมริกัน, กองทัพไทย และกองทัพเวียดนามใต้ ซึ่งการทำสงครามกลางเมืองลาว หรือว่าการสู้รบทั้งทางตรง และผ่านทหารกองโจร โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อครอบครองด้ามขวานของลาว
โดยทางด้านของกองทัพเวียดนามเหนือสามารถเข้าควบคุมพื้นที่นี้ได้ และนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้เป็นเส้นทางเสบียงโฮจิมินห์ และนั่นเป็นที่มั่นในการระดมกำลังเพื่อรุกเข้าไปยังเวียดนามใต้ ส่วนจุดที่สองที่เกิดการสู้รบกันอย่างหนักที่ทุ่งไหหินและบริเวณโดยรอบ
ทั้งนี้ ทางด้านของกองทัพเวียดนามเหนือ และประเทศลาว ได้รับชัยชนะในที่สุดใน พ.ศ. 2518 และชัยชนะนี้ถือว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของฝ่ายคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคอินโดจีน และจากการประชุมเจนีวาใน พ.ศ. 2497 ลาวได้ประกาศให้ตนเองเป็นรัฐที่เป็นกลาง
การรบในลาว
อย่างไรก็ตาม ทางด้านของกองทัพประชาชนเวียดนาม (PAVN) ยังคงปฏิบัติการอยู่ในทั้งภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของลาว มีความพยายามหลายครั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2497 และในการบังคับกองกำลังเวียดนามเหนือให้ออกจากประเทศลาว แต่ทว่าไม่ว่าจะด้วยข้อตกลง หรือคำยินยอมใด ๆ ก็ไม่สามารถทำให้รัฐบาลฮานอย ซึ่งตั้งใจที่จะไม่ทิ้งสหายคอมมิวนิสต์ชาวลาวไป ออกไปจากประเทศได้
ภาพ ทหารม้ง
ส่วนทางด้านของฝ่ายเวียดนามเหนือจัดตั้งเส้นทางเสบียงโฮจิมินห์ขึ้นมา และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของลาว ซึ่งมีชายแดนติดเวียดนามอยู่ ซึ่งมีเส้นทางเสบียงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทหารเวียดนามเหนือสามารถแทรกซึมเข้าไปในเวียดนามใต้ได้ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางในการส่งเสบียงไปเพื่อช่วยเหลือแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติเวียดนามใต้อีกด้วย
อีกทั้งฝ่ายเวียดนามเหนือมีกำลังทหารเป็นจำนวนมากอยู่ทางตอนเหนือของลาว ซึ่งมีส่วนทำหน้าที่เป็นกำลังสนับสนุนกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว และยังเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลลาวในระบอบกษัตริย์
ความลับของลาว
ทั้งนี้จากเหตุการณ์ สงครามกลางเมืองลาวนั้นยังมีหน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (CIA) ที่ต้องการจะรบกวนปฏิบัติการณ์ในลาวโดยไม่ใช้กำลังทหาร ซึ่งได้ทำกี่ตอบโต้เวียดนามเหนือด้วยการฝึกกองโจรที่ประกอบด้วยชาวเขาบนดอยลาวประมาณ 30,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นเป็นชาวเผ่าม้ง กับชาวเผ่าเมี่ยนกับชาวเผ่าขมุอีกบางส่วน
ซึ่งนำโดยนายพลหวังเปา จากกองทัพบกลาว ซึ่งมีเชื้อสายเป็นชาวม้ง และกองทัพนี้ได้รับการสนับสนุนจากสายการบินแอร์อเมริกา (ซึ่ง CIA ควบคุมอยู่อย่างลับๆ), ประเทศไทย, กองทัพอากาศลาว และปฏิบัติการลับทางอากาศที่ควบคุมโดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศลาว เพื่อเข้าทำการต่อสู้กับกองทัพประชาชนเวียดนาม, แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติ (NLF) และสหายปะเทดลาว ซึ่งผลการรบดังกล่าวนั้นออกมาโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังคุมเชิงกันอยู่ แต่ก็ยังส่งผลดีต่อสหรัฐฯ อย่างมากในสงครามเวียดนาม
นายพลวังเปา
สงครามกลางเมืองลาว สาเหตุ
ความเป็นไปของสงครามทางตอนเหนือนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศในแต่ละช่วงเวลาของปี และเมื่อถึงฤดูแล้งเริ่มต้นขึ้น ซึ่งมักอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ปฏิบัติการณ์ทางทหารของทหารเวียดนามเหนือก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน โดยทหารใหม่ และเตรียมเสบียงจะเดินทางจากเวียดนามเหนือลงมาตามทางที่แห้งพอจะเดินผ่านได้
ซึ่งนั่นอาจจะเริ่มเดินทางมาจากเดียนเบียนฟู ผ่านทางหลวงสภาพดีของแขวงพงสาลีลงมา หรือว่าอาจจะผ่านทางสาย 7 ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทุ่งไหหิน กองทัพลับของ CIA จะยอมหลีกทางให้ โดยมีส่วนทำการก่อกวน PAVN และประเทศลาวก่อนที่จะถอนกำลังออกไป
ซึ่งหลังจากนั้นกองควบคุมการบินระวังหน้าเรเวน (Raven FACs) ก็ได้ให้โจมตีฝ่ายคอมมิวนิสต์ทางอากาศด้วยเครื่องบินไอพ่นของกองทัพอากาศสหรัฐฯ และกองทัพอากาศลาวก็จะโจมตีด้วยรถถัง ที-28 เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ฝ่ายคอมมิวนิสต์ยึดครองนครเวียงจันทน์ และหลวงพระบางได้สำเร็จ
air america ขนส่งเสบียงให้ครอบครัวนักรบชาวม้ง
สงครามกลางเมือง ลาว คู่ ต่อสู้
และเมื่อฤดูฝนมาถึงในอีก 6 เดือนต่อมา ซึ่งฤดูฝนที่ตกลงมาจะทำให้เส้นทางเสบียงของเวียดนามเหนือใช้การไม่ได้ จากนั้นฝ่ายเวียดนามก็จะต้องล่าถอยกลับไปยังประเทศของตนเอง
และในขณะเดียวกัน การสู้รบในบริเวณด้ามขวานทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ ถือว่าเป็นการสู้รบเพื่อทำลายเส้นทางเสบียงโฮจิมินห์ ซึ่งส่วนมากแล้วมันจะเป็นการโจมตีทางอากาศจากกองทัพอากาศ และกองทัพเรือสหรัฐฯ เนื่องจากว่าข้อจำกัดทางการเมืองทำให้ไม่สามารถโจมตีเส้นทางเสบียงทางบกได้ Raven FACs ยังเป็นผู้สั่งการโจมตีทางอากาศในภูมิภาคนี้ด้วย
ซึ่งในขณะที่กองควบคุมการบินระวังหน้าอื่น ๆ จากเวียดนามใต้ อย่างเช่น Covey FACs จากกองบินยุทธวิธีสนับสนุนทางอากาศที่ 20 และ Nail FACs จากกองบินยุทธวิธีสนับสนุนทางอากาศที่ 23 มีส่วนทำการสั่งการโจมตีเช่นกัน การโจมตีทางอากาศอื่น ๆ จะได้รับการวางแผนล่วงหน้า โดยการประสานงานการยุทธทางอากาศโดยรวมจะถูกควบคุมโดยศูนย์ควบคุมและบัญชาการทางอากาศ
ซึ่งในบางครั้งสื่อในสหรัฐฯ จะรายงานถึงความขัดแย้งในลาว โดยการเรียกความขัดแย้งนี้ว่า “สงครามลับในลาวของ CIA” เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับความขัดแย้งไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะว่าทางด้านของรัฐบาลปฏิเสธว่าความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้น การปฏิเสธจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกพิจารณาว่าจำเป็นเนื่องจากทั้งรัฐบาลเวียดนามเหนือและรัฐบาลสหรัฐฯ
นักบินขนส่งเสบียงชาวอเมริกัน และทหารม้ง
ลาวแตก 2518
ซึ่งต่างก็ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยความเป็นกลางของลาว แต่ทว่าในทางปฏิบัติ สหรัฐฯ ถือว่าการเข้าไปแทรกแซงนั้นจำเป็น เนื่องจากเวียดนามเหนือนั้นสามารถยึดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ในประเทศลาว อีกทั้ง บทบาทของเวียดนามเหนือในลาวก็ยังมีมากไม่แพ้กัน ถึงกระนั้น แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะปฏิเสธว่าได้เข้าไปเกี่ยวข้อง
แต่สำหรับการก่อสงครามกลางเมืองลาวก็ถือเป็นปฏิบัติการณ์ลับที่ใหญ่ทุกสุดของสหรัฐฯ เนื่องจากว่าก่อนหน้าสงครามอัฟกัน-โซเวียต มีการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่องในดินแดนของลาวที่เวียดนามเหนือควบคุมอยู่ โดยเครื่องบินของสหรัฐฯ นั้นถือว่าเป็นการยุทธที่มีการทิ้งระเบิดหนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์
โดยเจตจำนงค์ของสหรัฐฯ นั้นไม่พ้นการต่อสู้เพื่อเอาชนะสงครามเย็นด้วยการจำกัดการแพร่กระจายระบอบสังคมนิยม ซึ่งความต้องใจหรือว่าเจตนานี้มาจากนโยบายของสาธารณรัฐประชาชนจีน และสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตในการเผยแพร่ระบอบคอมมิวนิสต์ด้วยการบ่อนทำลายและการก่อกบฏ
หน่วยทหารรับจ้างอากาศยานหน้าทางภาคพื้นดินของไทยและอเมริกัน
แขวงเชียงขวาง ประเทศลาว สงครามลับในลาว ช่วงปี พ.ศ. 2508-2518
(ภาพจาก Semperfi Eak , เรื่องเล่า ภาพเก่าในอดีต )
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.homefres.com ,วิกิพีเดีย, blogank.com,pantip.com
----------------------------------------------------
----------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น