คลังบทความของบล็อก

25 สิงหาคม 2567

เรื่องสั้น ยํ่าไพร ตอน โอปปาติกะในป่าลึก ( พ.ศ. 2540 --2545 )

 



เรื่องสั้น ยํ่าไพร ตอน  โอปปาติกะในป่าลึก  ( พ.ศ. 2540 --2545 )

     พอเริ่มย่างเข้าต้นเดือนมีนาคม  ต้นยางก็เริ่มผลัดใบเหมือนกันไปหมด  ไม่ว่าจะเป็นยางนาหรือยางพารา และสารพัดตระกูลยางทั้งหลาย มันส่งสัณญาณเตือนว่าฤดูแล้งเริ่มมาเยือนแล้ว  ใบยางสีเหลืองบ้าง สีแดงบ้าง  เริ่มร่วงหล่นจากต้นสู่ผืนดินหยาบแล้งแห้งระอุ  เสียกลองเพลจากวัด"บ้านโคก" อำเภอแก่งหางแมว แว่วมาไกลๆ เพื่อเตือนหมู่ภิกษุทั้งหลาย  ว่าใกล้ถึงเวลาฉันเพลแล้ว  
     แสงแดดระยิบระยับร้อนผ่าว  ดั่งเปลวรัศมีแห่งความร้อนในทะเลทรายอันกว้างไกลไร้จุดหมาย และไร้ซึ่งสรรพชีวิต   ลมร้อนระลอกหนึ่งพัดมาโดนตัวผมจนรู้สึกได้ชัดเจน   ว่ามันร้อนเหมือนเอาใบหน้าไปจอรอรับไอร้อนจากกาต้มนํ้าเดือด ๆ   ผมกำลังสาระวนอยู่กับเจ้าแทร็กเตอร์คันเก่าจอมเกเร  ที่มีอันมาจอดเสียอยู่กลางไร่  ผิวกายเป็นมันเยิ้มด้วยเหงื่อไครจนน่ารำคาญ  แมง(แมลง)ชันโรงหลายตัวตอมกินเหงื่อของผม   ยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมโบกมือไล่เป็นพัลวัน  ด้วยแรงแห่งพยายาม  อีกสักพักใหญ่ไอ้จอมเกเรก็ส่งเสียงกระหึ่มลั่นไปทั่วไร่  ขณะผมขึ้นนั่งบังคับเพื่อลุยงานต่อ  สายตาก็แลเห็นอาคันตุกะบนรถแมงกาไซค์คันหนึ่งมุ่งมาหา  ฝุ่นขาวอมเหลืองแดงฟุ๊งกระจายตามหลังรถมาติดๆคล้ายญาติกันฉันไม่ยอมห่างเธอ  ผมติดเครื่องอีแก่แทร็กเตอร์รอดูเขาว่าเป็นใคร?  แค่บุหรี่หมดไปไม่ถึงครึ่งมวน   ไอ้หนุ่มแมงกาไซค์ปริศนาก็มาจอดอยู่ใกล้ผม 
 
     " เฮีย  พี่ถมยาให้มาแจ้งข่าวว่า  งานนี้ต้องพักเอาไว้ก่อน  พี่ถมยาแกต้องไปส่งเมียที่ท่าใหม่บ่ายนี้ครับ "
    ไอ้หนุ่มแมงกาไซค์ผู้มาใหม่ เอ่ยปากทักทายผม พร้อมล้วงไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบยาเส้นมามวนกับใบตองแห้ง  แต่ไม่สำเร็จสักที  เพราะอากาศมันร้อนและแห้งมากเกินไป  ใบตองสำหรับมวนยาเส้นจึงแตก ไม่สามารถหุ้มและมวนยาเส้นได้  ผมเห็นแล้วให้รู้สึกรำคาญเต็มที  จึงเปิดเบาะนั่งเพื่อค้นหาหีบบุหรี่  แล้วโยนบุหรี่ยี่ห้อ"สายฝน"ลงมาให้หนึ่งซอง  หมอนั่นยกมือไหว้ผมปะหลกๆ  

     " อุว๊ะ! ไอ้ถมยาต้องไปส่งเมียอีกแล้วรึว๊ะนี่ ? "

     ผมอุทานลั่น  ด้วยความขัดเคืองในอารมณ์   อันชายที่ชื่อ"ถมยา" นั้น  เขาคือเพื่อนผู้ร่วมผจญภัยในป่าของผมนั่นเอง  ตั้งแต่แต่งกับเมียสาวรุ่นเด็กกว่าหลายปี  หมอชักไม่อยากเที่ยวป่ากับพวกผมเสียแล้ว  หมอบอกกับผมว่า ตอนนี้หมอชอบเที่ยวป่าและปีนโคกที่บ้านหมอมากกว่า  มันสนุกและตื่นเต้นกว่าเที่ยวป่ากับผมเป็นไหนๆ  หมอว่างั๊น  และไอ้ที่ให้ไอ้หนุ่มแมงกาไซค์ที่ชื่อ " เบี้ยว" มาแจ้งข่าวกับผมนั้น ผมก็รู้ทัน  หมอไม่ได้ไปส่งเมียที่ท่าใหม่หร๊อก  แต่ก็น่าเห็นใจหมอนั่น  วาระข้าวใหม่ปลามัน  แถมเมียยังสาวรุ่นแบบนี้  เป็นใครก็อยากอยู่กับเมียสาววัยกระแรกรุ่นทั้งนั้นแหละ

      ไอ้หนุ่มแมงกาไซค์ส่งข่าวลับตาไปแล้วพร้อมกับฝุ่นแล่นตามตูดไปเป็นทางยาว   ผมทำงานไปก็คิดไปว่า  จะเปลี่ยนแผนเปลี่ยนโปรแกรมยังไง?  เพราะผมมีนัดกับอดีตพรานใหญ่ปลดระวางคนหนึ่ง ในบ่ายวันนี้เสียด้วยสิ  จะแจ้งข่าวเพื่อยกเลิกนัดหมายยังไงดี    สมัยนั้นราคาโทรศัพท์มือถือแพงมาก  ใช่ว่ามีโทรศัพท์มือถือแล้วคิดจะโทรเมื่อไหร่ก็ได้  โน่น...เราต้องเดินหาคลื่นสัณญาณโทรศัพท์กันไปบนเนินเขาสูงๆโน่นแหละ  แถมสัณญาณก็มาๆหายๆมักไม่เสถียรเอาเสียด้วย  ยิ่งในป่าในดงอย่างพวกผมนี้  อย่าให้พูดเลย  เดินหาคลื่นกันจนท้อเชียวแหละ

     ยามบ่ายแก่ๆของวัน   รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้ออันบุโรทั่งของผม   ก็มาจอดพรืดพร้อมขี้ฝุ่นตลบอบอวล  หมาไทยชาวบ้านป่าตัวผอมแกร็นสามสี่ตัวพากันเห่าเสียงขรม  สักครุ่ก็ส่งเสียงงี๊ดๆกระดิกหางเข้าหาคล้ายจะเจอเพื่อนเก่าต่างสายพันธุ์ยั่งงั๊นแหละ  ชายชราวัยเจ็ดสิบเศษผิวดำคลํ้าหลังงองุ้มแต่ดูแข็งแกร่ง  ตามตัวของแกเต็มไปด้วยรอยสักมากมาย   แกสวมกางเกงชาวเลแบบขาสั้นมายืนเกาะขอบประตูบ้านส่งยิ้มหวานมาให้   ชายชราผู้นี้เป็นสหายต่างวัยของผม  มิใช่ผมโมเมทึกทักเอาเอง  แต่เป็นสัจจะวาจาที่แกจับมือผมแล้วพูดออกมาเอง  ต่อหน้าขวดเหล้าและเสียงอ้อแอ้ชองแกเสียด้วยสิ  ดวงของผมมันต้องกับคนแก่ครับ  เพื่อนรุ่นแย้มฝาโลงบางคนที่มีนํ้าใจต่อกันกับผม  ต่างก็เป็นเพื่อนของพ่อผมมาเก่าทั้งนั้นแหละ   และผมก็ถือว่า" คนแก่เหล่านี้ก็คือมรดกที่พ่อผมยกให้" ครับ

     " เอ้า ! เถ้าแก  เข้าบ้านก่อน  ไหงว่าจะมากับไอ้ถมยาไงล่ะ  รับประทานโทษ ? "

     เสียงผู้เฒ่าเชื้อเชิญเป็นสำเนียงคนระยองให้ผมเข้าบ้านอย่างเป็นกันเอง  คำว่า"เถ้าแก่" ที่เป็นคำสรรพนามที่แกใช้กับผม  จริงๆแล้วแกใช้เรียกพ่อของผมต่างหาก  แต่นานไปมันคงติดปากของแก จนมาใช้กับผมจนชิน  แต่ผมเรียกแกว่า"ลุง"จนชินเช่นกัน
      " นั่งบนแคร่ข้างนอกนี่ดีกว่าลุง  ลมพัดเย็นดี"
       ผมพูดตามประสาคนขี้ร้อน  อากาศเมืองไทยแมร่งโคตรร้อนเลย  เพราะแทนที่ผมจะมาเกิดเมืองหนาว  แต่ผมดันพุ่งหลาวมาเกิดเมืองร้อนเสียฉิบ  ทุกวันนี้ผมยังเจ็บใจตัวเองไม่หายเลย  ดันเลือกดินแดนผิด  แหม...พูดถึงตรงนี้ทีไร  ผมอยากกลับไปเกิดใหม่ชิบเป๋งเลย คุณเอ๋ย   แต่ผมดันกลัวว่าจะไม่ได้มาเกิด (เป็นคน) อีกน่ะสิ  ข้อนี้สำคัญนักเชียว   ผมเดินไปที่รถ หยิบข้าวของต่างๆที่ซื้อมาจากตลาดเพื่อมาฝากแก  มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกสำหรับคนบ้านป่าอย่างแกและผม  ข้าวสาร กะปิ นํ้าป่า ยาเส้น และเหล้ายี่ห้อดัง  แค่นี้ก็ใช้ชีวิตในป่ากันอย่างไม่เดือดร้อนแล้ว  อะไรๆที่มากพิธีรีตองลีลาเยอะ  พวกผมไม่ถนัด แถมรำคาญเสียด้วยสิ
      " วันนี้ถมยาไม่มาด้วย  มันติดธุระด่วนครับลุง  วันนี้ผมเลยฉายเดี่ยวครับ"
      ชายชราผหงกหัวหงึกๆ  เป็นทีเข้าใจที่ผมสื่อสารออกไป  พร้อมกับยกแก้วเหล้าบร้่นดียี่ห้อรีเจนซี่แช่นํ้าแข็งจนหมดแก้ว  พร้อมเอาแขนป้ายปากส่งยิ้มไปทั่วทิศทั่วไทย 

     " รับประทานโทษ  ชื่นใจดีจริง ๆ นานๆได้กินทีนึง  เด็ดดีแท้หนอ "

    แกพูดพร้อมกับยกมือไหว้ผม  จนผมต้องรีบวางแก้วที่กำลังเตรียมเหล้าชุดใหม่ให้แกทันที  พร้อมพนมมือรับไหว้จากคนแก่อย่างฉุกระหุก  คนบ้านป่า คนโบราณสมัยก่อน  หัวใจของพวกเขาบริสุทธิ์คล้ายเด็ก  แต่ก็มั่นคงในสัจจะวาจายิ่งนัก  มันไม่แปลกเลยที่ผมชอบคบหาสมาคมกับคนแก่  หากคบหากับคนรุ่นเดียวกันหรือคนสมัยใหม่ๆผมไม่สนิทใจนัก   ผมกลัวโดนเพื่อนแอบแทงข้างหลังครับ

     " เต็มที่เลยลุง  แต่ผมเห็นจะร่วมวงได้ไม่นานหรอกอีเที่ยวนี้น่ะ "

     ผมกระดกเหล้าเข้าปาก  แล้วแจ้งจุดประสงค์อย่างเป็นนัยให้แกทราบ  พร้อมมองไปเบื้องหน้าซึ่งคือเขา"ห้าพระอินทร์" ซึ่งเป็นเทือกเขาส่วนหนึ่งของเขาสิบห้าชั้นอันยิ่งใหญ่   เมื่อผู้เฒ่ารับรู้ความต้องการของผม  แก้วเหล้าในมือของแกชะงักค้างโดยทันที  สายตาที่ขุ่นมัวของแกประสานกับสายตาของผมเพียงครู่  แล้วก้มหยิบเเศษเนื้อหมูป่าเค็มทอดเข้าปากเคี้ยวเยิบๆ  แต่หัวคิ้วของแกขมวดเข้าหากันแบบคนกำลังใช้ความคิด

     " รับประทานโทษ  จากตรงนี้เวลานี้  กว่าจะเดินถึงเขาห้าพระอินท์คงคํ่าพอดี  ยิ่งเวลานี้  นังแม่แปรกคุมฝูงหากินอยู่แถวตีนเขามาสองสามวันแล้ว  เมื่อวานนี้ ไอ้เทืองคนบ้านบ่อตามีออกไปหายิงเก้ง  หนีตายออกมาแทบไม่ทันเวลานี้ก็ไม่รู้ว่าพวกมันระเห็จออกกันไปหรือยัง ?  อย่าไปเสี่ยงเลยเถ้าแก่ "

     นี่เป็นข่าวใหม่ของผม  ก็เมื่อหลายวันก่อนมีข่าวว่า  ช้างป่าฝูงใหญ่คุมฝูงโดยแม่แปรกใหญ่  ออกหากินแถบบ้านบ่อไฟไหม้ใกล้ๆกับคลองครกโน่น  แถมเหมาสวนเผือกของชาวบ้านระแวกนั้น  เสียหายไปเกือบสิบไร่  ไอ้ผมก็ไม่ได้รู้สึกเฉลียวใจเลยว่า  พวกมันจะข้ามฟากมาถึงเขาห้าพระอินทร์ได้เร็วขนาดนี้   อีกอย่างผมก็ไม่แน่ใจว่า  พวกมันจะเป็นช้างป่าโขลงเดียวกันหรือไม่ ?
     " ผมตั้งใจมาแล้ว  ว่าจะหาเนื้อหมูป่ารุ่นๆสักตัวกลับบ้านที่สัตหีบ  ผมมาเที่ยวกับถมยาคราวที่แล้ว  เห็นรอยหมูป่าเต็มไปหมด  แต่เผอิญตอนนั้นผมไม่มีลูกโดดมาสักนัดเลย  ชวนถมยาแล้ว ว่าจะมาแก้มือกันบ่ายนี้  อย่างงี๊...ผมก็เสียความตั้งใจแน่เลยลุง "
     ." รับประทานโทษ  คนหนุ่มใจร้อนมักผลีผลาม  แถบนี้...ใช่มีหมูป่าที่เขาห้าพระอินทร์แห่งเดียวเสียเมื่อไหร่ล่ะ  โน่น  คลองโป่งโน่น  ข่าวว่าเดินกันเป็นเทือกเชียว  แถมออกมากินไร่แตงไทยยัยซิ้มหมดไปโขอยู่  เล่นเอาซ๊ะยัยซิ้มแทบหมดตัวเชียวล่ะ "
      อดีตพรานเฒ่าปลดระวาง  แจ้งข้อมูลใหม่ให้ผมทราบด้วยสำเนียงเหน่อระยอง  พร้อมกระดกรีเจนซี่ผสมนํ้าแข็งเย็นๆเข้าปากอย่างบรมสุข  

     " งั๊นก็ดีสิลุง  ผมจะได้มีเวลาหาที่เหมาะๆขัดห้าง  งั๊น อย่าช้าเลย  เวลาวารีไม่เคยคอยใคร  ผมขอรํ่าลาตรงนี้แหละครับ "
       ว่าแล้วผมก็เตรียมตัวออกเดินทางทันที  คงใช้เวลาเดินเท้าไม่ถึงสี่ชั่วโมง  ในพิกัดจากคำบอกเล่าของอดีตพรานปลดระวาง  ป่าในยุคสมัยที่ผมจริงจังกับการเที่ยวท่องนั้น  ยังมีความสมบูรณ์อยู่เป็นอันมาก  ไม่เหมือนในยุคปัจจุบันนี้ที่ป่าก็ค่อยๆหายไปทีละน้อยๆ  แต่ดันมีต้นยาง ต้นปาล์ม เงาะ ทุเรียน และมันสำปะหลังขึ้นมาแทน  เราได้ป่าเศรษฐกิจมาแทนป่าดงดิบ  บางที่บางแห่งก็เป็นภูเขาหัวโล้นก็มิใช่น้อยๆ  ฝนตกหนักๆทีนึง ก็เดือดร้อนกันทีนึงจนเป็นเหตุการณ์ที่ซั้าซากน่าเบื่อหน่าย  คนก็เดือดร้อน  สัตว์ป่าก็เดือดร้อน  เพราะคนรุกป่าทำลายบ้านของสัตว์ป่า  สมัยเมื่อผมเดินป่าเที่ยวป่ารอยต่อแห่งภาคตะวันออก  ป่าแห่งนี้มันกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน  สัตว์ป่าเดินทอดน่องหาเลี้ยงปากท้องได้สะดวก  โดยไม่ต้องไปหากินกับพืชไร่ของชาวบ้าน  ให้ต่างเดือดร้อนล้มตายทั้งสองฝ่าย  แต่วันร้ายคืนเลว  ใต้เท้าท่านก็ดันมาผ่าป่าใหญ่แห่งนี้ออกเป็นสองท่อนเฉยเลย  โดยอ้างความมั่นคง  ผมก็ไม่ทราบว่ามันเป็นความมั่นคงในกระเป๋าใครกันแน่   ผมกำลังหมายถึงถนนเส้น 3259 ระยะทางร่วมร้อยกิโลเมตร   ถนนมหาภัยเส้นนี้ผ่านพื้นที่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก  สัตว์ป่าโดนรถยนต์ชนตายเป็นจำนวนมากในทุกๆปี  มีข่าวแว่วเข้าหูของผมเสมอว่า  "เก้ง" เป็นสัตว์ที่โดนรถยนต์ชนตายมากที่สุด  นี่ยังไม่นับสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆเช่น"เต่า"ต้วมเตี้ยม ซึ่งโดนเหยียบแบนแต๊ดแต๋ติดถนน  ปัญหาสำคัญอีกอย่างคือ เมื่อมีถนนผู้คนก็รุกบ้านของสัตว์  เมื่อสัตว์ทวงสิทธิ์คนก็ฆ่าสัตว์  จากนั้นสัตว์ก็ทำร้ายคน  วนเวียนกันไม่รู้จบ


      คลองโป่ง" เป็นป่าด้านทิศใต้ของ"เขาสิบห้าชั้น" สำหรับผมมองว่าเป็นเขตแดนเชื่อมระหว่างป่ากับเรือกสวนไร่นาของคน  ผมเดินผ่านไร่ฟักทองแปลงใหญ่  ดินใหม่ป่าใหม่เหมาะสำหรับปลูกผักหญ้าที่สุด  เพราะอาหารในดินสมบูรณ์มาก  ปุ๋ยเคมีนี่ลืมไปได้เลย  แต่ไร่ฟักทองแห่งนี้  ปรากฏร่องรอยกัดแทะอย่างทิ้งขว้างอย่างกลาดเกลื่อนของพลพรรคเหล่าหมูป่าทั้งหลาย  ผมเดินตามรอยหมูป่ากลุ่มนี้เข้าเขตป่ามาเกือบสี่ร้อยเมตร  ก้มดูนาฬิกาข้อมือที่ระบุเวลาว่ายังไม่สี่โมงเย็นเลย  ผมยังพอมีเวลาเดินสำรวจป่าแถวนี้ได้อย่างไม่เร่งรีบนัก  นกแซงแซวตัวสีดำสองตัว  สงเสียง"เงี๊ยวๆ หรือ เมี๊ยวๆ" ฟังดูคล้ายแมวร้องทักทายผม  นกเขาเปล้าสิบกว่าตัวตีปีกบินหนีคล้ายเหม็นสาปมนุษย์ขี้เหม็นไร้ประโยชน์  เถาบันไดลิงลำใหญ่ๆไต่เกี่ยวเกาะอยู่บนลำต้นยางนา  เบื้องหน้าของผมนั้นคือซากต้นมะค่าโมงที่ล้มพาดผืนดิน  เมื่อใช้เท้ายันที่ลำต้นเขย่าไปมาสักครู่  ตะขาบตัวใหญ่สีแดงแจ๋เลื้อยหนีมาทางปลายเท้า  ผมโดดหนีออกห่างอย่างหวาดระแวง  เมื่อแหงนดูบนต้นแดงที่เลยเหนือหัวของผมไปเพียงนิดเดียว  ร่องรอยฟ้อนเล็บจนเปลือกกระจุยกระจายของหมีควายหล่นเกลื่อนพื้น  รอยยังใหม่เอี่ยมสดๆร้อนๆ  พลันนั้นเสียงกระรอกตัวสีขาวปนด่างร้องดัง"ก๊อกๆ"  ผมรีบปลดปีนไรเฟิ้ลออกจากบ่าอย่างเตรียมพร้อม  เพราะไม่แน่ใจว่ามันร้องทักผม หรือร้องทักอะไร ? แม้เพิ่งจะสี่โมงเย็น...แต่ในป่าทึบเช่นนี้  มันก็คล้ายเวลาโพล้เพล้ในฤดูหนาว  เงียบ...ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบเหมือนเป่าสาก  ยิ่งเดินยิ่งลึก  ผมยิ่งรู้สึกบรรยากาศมันเริ่มเย็นยะเยือก  เหลียวมองรอบกายเห็นป่าใกล้มืดมิด  ผมรู้สึกผิดปกติ นาฬิกาบอกเวลาว่าเกือบห้าโมงเย็นแล้ว  ตายห่า...ผมว่าผมเดินจากไร่ฟักทองจนถึงตรงนี้  มันไม่ควรใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเลย  เพียงแค่คิดถึงตรงนี้  เส้นขนด้านหลังก็ลุกไล่มาจนถึงหนังหัว  พวกมันพากันลุกซู่โดยไร้สาเหตุ  ผมไม่เคยเชื่อเรื่องไร้เหตุผล จำพวกผีสางนางไม้  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือ ความขลัง  สิ่งเหล่านี้ไม่มีจริง  ผมถูกสอนมาเช่นนี้  

      ต้น"สมพง"ต้นนั้น มันโค้งงอลดเลี้ยวเลื้อยไหลอย่างผิดธรรมชาติ  มันใกล้ชิดติดต้นตะแบก   เหลียวมองขึ้นไปประมาณห้าหกเมตร  ปรากฏห้างกลางเก่ากลางใหม่ขัดไว้คล้ายรอผม  ด้านล่างคือด่านใหม่ๆที่สัตว์ป่าเหยียบยํ่าไว้เป็นทางเดินที่ยาวออกไปจนลับตาเพราะป่าบดบัง  รอยเท้าของหมูป่า รอยเท้าของสัตว์กีบเช่นเก้งเดินเกลื่อน  มิน่าเล่าตรงนี้จึงมีห้างยิงสัตว์   ปืนและสัมภาระถูกวางชิดติดมุมหนึ่ง  ผมหยิบใบชาแห้งมาอมไว้ในปากจนชุ่ม  แก้อาการอยากดื่มชา  สายตาก็พรางสอดส่ายกำหนดพื้นที่ด้านล่าง เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินยามคํ่ามืดในยามพลัดจากห้าง  เช่นช้างหรืออื่นๆรุกไล่  ใกล้คํ่าเต็มทีแล้ว  เสียงแมลงป่ากรีดปีกส่งเสียงบรรเลงบทเพลงแห่งไพรระงม  เสียงหมาป่าหอนโหยหวนแว่วมาตามลม  ลมป่าโชยพัดมาทางทิศใต้  มันนำกลิ่นดอกไม้ป่าบางชนิดส่งกลิ่นหอมบางเบาโชยมาตามลม  ผมหลับตาซึมซับกลิ่นหอมนั้นอยู่ระยะหนึ่ง   ตัวนิ่มเดินบนด่านผ่านหน้าของผมไปอย่างเชื่องช้า  เก้งหม้อเดินๆหยุดๆก่อนผ่านหน้าของผม  จมูกของมันขยับไปมาคล้ายหากลิ่นแปลกปลอม  เมื่อเป็นที่หายข้องใจแล้วมันก็เดินจากไป   พอสามทุ่มเศษๆ แสงจันทร์ก็โผล่พ้นสันเขาสอยดาวใต้อันไกลโพ้น   เวลาเว้นว่างมาเกือบสองชั่วโมงโดยไม่ปรากฏสัตว์ชนิดใดเดินผ่านหน้าห้างของผมเลยสักตัว  แม้กระทั่งหมูป่าที่ผมเฝ้ารอคอย   ผมสูบบุหรี่ซึ่งเป็นข้อห้ามในการนั่งห้างเพื่อบรรเทาอาการง่วงหาว   ห้าทุ่มแล้ว ป่าทั้งป่าเงียบกริบคล้ายป่าช้าผีดิบ  เสียงฟ้าร้องครืนๆแว่วมาจากทางทิศเหนือเบาๆ  ผมขยับกายกางแขนบิดขี้เกียจคลายเมื่อยขบอย่างแผ่วเบา  ข้าวเหนียวหมูย่างถึงเวลาคลายหิวของผมแล้ว  กินไปสายตาก็มองป่ารอบตัวไป  พร้อมกับตรวจสอบความพร้อมของปืนคู่ชีพอีกครั้ง  

      เสียงฟ้าร้องครืนๆแว่วดังใกล้เข้ามา  ผมรีบค้นหาเสื้อคลุมพลาสติกกันฝน   เพียงไม่ถึงสิบนาทีฟ้าก็รั่วเหมือนเทนํ้าลงบนผืนป่า  ประกายแสงฟ้าแลบแปลบปลาบถี่ระยิบระยับจนทั่วผืนไพร  เหล่าต้นไม้โยกไหวซ้ายขวาตามพลังลมฝน  เสียงห้างที่ผมนั่งลั่นเอี๊ยดอ๊าดจนผมต้องใช้ไฟฉายตรวจสภาพความมั่นคงของมัน   ปลายปืนไรเฟิลในมือโผล่ออกมาจากเสื้อกันฝน  ในลักษณะเอียงลงตํ่ากันนํ้าเข้า   หมด หมดกัน  ฝนหนักอย่างนี้ทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากนอน  ผมเอนตัวพิงต้นตะแบกหลับไหลโดยไม่รู้ตัว   

     นํ้าหยดหนึ่งหล่นโดนมือที่จับปืนของผม  ผมคงเผลอหลับโดยไม่รู้ตัวจนเสียอาการนิ่ง  มือจึงโผล่ออกมาพ้นชายเสื้อกันฝนจนโดนนํ้าหยดใส่  ฝนป่าหยุดไปเมื่อไหร่ไม่ทราบได้  พระจันท์ข้างขึ้นเต็มดวงส่งแสงลงสู่ผิวใบไม้ที่อาบนํ้าฝนจนเป็นประกายระยิบระยับทั่วดงพงไพร  นาฬิกาที่ข้อมือระบุเวลาตีสามเศษๆ  ผมล้วงมือมายิบกระปุกบรั่นดีอันเล็กมาดื่มเพื่อบรรเทาความเหน็บหนาว  ฤทธิ์เหล้ามันร้อนผ่าวจนถึงท้อง  มันปลุกประสาทความรู้สึกเฉื่อยชาให้ตื่นตัวขึ้นทันที  ขณะผมกำลังจุดไฟแช็กเพื่อสูบบุหรี่  เสียงเดินยํ่าดินแฉะปนนํ้าแว่วมาแผ่วเบา  เสียงนั้นมุ่งมายังหน้าด่านที่ผมนั่งอยู่ตรงนี้   ผมรีบวางไฟแช็คแล้วเอียงหูจับตาเพ่งมองสัณญาณเจ้าของเสียงนั้น  บนด่านเล็กๆด้านขวามือที่ห่างจากผมไปไม่เกินห้าสิบเมตร  ใบไม้ที่เปียกชุ่มด้วยหยาดนํ้าฝนงดงามยิ่งเมื่อโดนกระทบแสงจันทร์  มันส่ายไปมาจนหยดนํ้ากระเซ็นคลายโดนวัตถุชนิดหนึ่งกระทบเบาๆ  ผมจ้องมองอย่างสงสัยเต็มทีโดยไม่กระพริบตา   หมูป่าตัวนั้นเดินส่ายไปมาโดยมุ่งหน้ามาตามเส้นทางด่าน  ท่ามกลางแสงจันทร์ ในคืนข้างแรม ที่เล็ดลอดต้นและใบไม้ป่า  สิ่งที่ผมเห็นในขณะนี้มันจะกลายเป็นคำถาม  และข้อสงสัยของผมไปตลอดชีวิต  หมอกควันบางอย่างหมุนวนไปมาคล้ายรูปร่างของคน  มันอยู่ด้านหลังของหมูป่าตัวนั้นเพียงไม่เกินหนึ่งเมตร  อากัปกิริยาของมันคลายติดตามหมูป่าตัวนั้นมาติดๆ   ขณะนั้นผมเหมือนโดนสะกดอยู่ที่กลุ่มหมอกควันประหลาดนั่น  โดยไม่ได้สนใจหมูป่าตัวนั้นเลย  ยิ่งเจ้าหมูป่านั่นมันเดินใกล้เข้า  ใกล้เข้ามา  หมอกควันประหลาดนั่นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ๆ  ให้ตายเถอะ...ผมสาบานให้ก็ได้ว่า  หมอกควันประหลาดนั่นมันคล้ายคนเป็นที่สุด  ขอยืนยันว่า  ขณะนั้นสติสัมปชัญญะของผมสมบูรณ์พร้อมทุกประการ  เส้นขนบนหัวบนแขนของผมลุกตั้งชูขันต่อสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างพิสดาร  ผมนั่งนิ่งตะลึงตัวแข็งทื่อคล้ายฝันไป  บัดนี้เจ้าหมูป่าและเจ้ากลุ่มหมอกควัน  ได้เคลื่อนมาอยู่ตรงหน้าห้างของผมแล้ว  ในม่านตาที่แข็งค้างของผม  หมอกควันประหลาดกลายกลับเป็นชายวัยกลางคน  กางเกงชาวเลสั้นๆขาดๆ เก่าๆ  เสื้อแขนสั้นสีดำๆมอๆไม่ติดกระดุม  รอยสักเต็มผืนอกและผิวกายอันดำคลํ้า  ในปากของเขาเคี้ยวหมากจนปากแดงชัดเจน  เขาเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาอันแข็งกร้าวเย็นชา  เขาตบมือขึ้นสามครั้ง  ในขณะผมตะลึงจ้องมองเขาอยู่นั้น  ฉับพลัน ผมก็สะดุ้งขึ้นสุดตัว  บุหรี่ที่คาอยู่ในปากหล่นมาโดนแขนจนผมตกใจ  ความร้อนจากไฟปลายบุหรี่ปลุกเตือนให้สติของผมกลับคืนมา ปีนไรเฟิลในมือตวัดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยผมแทบไม่รู้ตัว   เสียงปังลั่นป่ายามดึกสงัดสงบมืดมิด  หมูป่าทั้งตัวล้มครืนนิ่งสนิทในทันที  ขณะสมาธิของผมจดจ่ออยู่ที่หมูป่าเพียงไม่กี่วินาที   เมื่อเหลียวมองหาชายหรือหมอกควันประหลาดนั้นก็หาไม่พบแล้ว   มารู้ตัวอีกครั้งก็ต่อเมื่อขนหัวลุกชูชัน  นี่ผมเจอดีเข้าให้แล้วหรือ ? ผมถามตัวเองในใจ  .
26 - 08 - 2024


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น