คลังบทความของบล็อก

20 ธันวาคม 2561

คนรวยมีลูกยาก คนจนมีลูกง่าย จริงไหม ?





จริงหรือ? ที่เขาว่า “คนรวยมีลูกยาก คนจนมีลูกง่าย”


หลายคนคงคุ้นชินกับประโยค “คนรวยมีลูกยาก คนจนมีลูกง่าย” ซึ่งเคยถูกตั้งคำถามมาแล้วหลายหน ทั้งในโลกโซเชียลและวงสนทนาต่างๆ

หลายคนเห็นด้วย แต่ก็มีไม่น้อยที่เห็นแย้งประโยคดังกล่าว โดยใช้เหตุผลซึ่งอ้างอิงจากความรู้สึกของตนเอง ทว่าปราศจากข้อพิสูจน์ยืนยันตามหลักวิชาการ

ความไม่ชัดเจนจึงดำรงอยู่ ท่ามกลางฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านสมมุติฐานชวนถกเถียงข้างต้น

ปัญหาการมีบุตรยากถือเป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากข้อมูลจำนวนและอัตราเกิดมีชีพและตายทั่วราชอาณาจักรของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าอัตราการเกิดมีชีพต่อ 1,000 คน ลดหลั่นลงมาต่อเนื่อง

ใน พ.ศ.2526 มีอัตราอยู่ที่ 21.3 แต่ใน พ.ศ.2560 อัตราการเกิดมีชีพเหลือเพียง 10.6 เท่านั้น

ทั้งที่ปัจจุบันมีผู้มาปรึกษาแพทย์เรื่องการมีบุตรสูงขึ้นกว่าสมัยก่อน คำถามน่าสนใจตามมาคือ ทำไมอัตราการเกิดถึงลดลงเรื่อยๆ

ถ้าลองสังเกตกลุ่มคู่รักผู้มีชื่อเสียง ทั้งดารา-นักแสดง หรือแม้แต่ผู้มีหน้ามีตาในสังคม หลายคู่ต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบผลสำเร็จในการให้กำเนิดบุตร หรือบางคู่อาจไม่ประสบความสำเร็จเลย

ขณะที่ข่าวบนหน้าจอทีวีหรือในสื่อโซเชียล กลับรายงานปัญหาสังคมอันเกิดจากพ่อ-แม่ที่ให้กำเนิดบุตรโดยไม่มีความพร้อม บ่อยครั้งขึ้น

หรือนี่คือข้อพิสูจน์ว่าประโยค “คนรวยมีลูกยาก คนจนมีลูกง่าย” นั้นเป็นจริง?




รศ.นพ.สุภักดี จุลวิจิตรพงษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมีบุตรยาก “ศูนย์ผู้มีบุตรยาก เจ้าพระยา-จินตบุตร” เปิดเผยว่า การมี/ไม่มีบุตรไม่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “เศรษฐานะ” โดยตรง แต่เงื่อนไขดังกล่าว รวมถึงสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป นับเป็นปัจจัยทางอ้อมต่อปัญหานี้

ดังจะเห็นว่าในยุคนี้ ทุกคนต้องเรียนหนังสือ หางานทำเพื่อสร้างฐานะ เมื่อฐานะพร้อมแล้วจึงตัดสินใจมีลูก ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นก็เลยวัยที่ธรรมชาติกำหนดเรียบร้อยแล้ว

“เราต้องเข้าใจก่อนว่า พื้นฐานที่สำคัญ หนึ่ง คือการตั้งครรภ์เป็นเรื่องของโอกาส โดยเฉพาะเราพูดถึงในผู้หญิงเป็นหลักละกัน ในผู้หญิง ความสามารถในการเจริญพันธุ์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือโอกาสที่เขาจะท้องง่ายๆ ตามธรรมชาติ ตัวที่เป็นเหตุตั้งต้นคือรังไข่ รังไข่จะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงวัยอายุประมาณ 20-30 ปี

“หลังจากนั้น วัยหลัง 30 ปี เป็นวัยที่โอกาสท้องหรือความสามารถในการเจริญพันธุ์ก็จะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุ หลัง 35 จะเป็นวัยที่กราฟมันเริ่มจะลงเร็วขึ้น ถ้าถึงวัย 40 ไปแล้ว โอกาสจะลดลงแบบเร็วมาก เรียกว่าปีต่อปีเลย ซึ่งส่วนใหญ่ 50 ปี รังไข่ก็จะหมดสภาพแล้ว” รศ.นพ.สุภักดีอธิบาย

ขณะที่ในกลุ่มของเพศชาย อายุไม่ส่งผลมากนัก ยกเว้นเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป อาจมีปัญหาเนื่องจากคุณภาพอสุจิลดลง

เพราะฉะนั้น เท่ากับว่าค่านิยมในสังคมที่เปลี่ยนแปลงและประเด็น “เศรษฐานะ” ได้ส่งผลกระทบโดยอ้อมแต่สำคัญ ต่อธรรมชาติในการให้กำเนิดบุตรของมนุษย์

“กลุ่มที่มีฐานะดี การศึกษาดี มีความพร้อมทุกอย่าง แต่เขามาเริ่มเวลาที่ต้องการมีลูกจริงๆ ช้าแล้ว ก็เลยมีลูกยาก ในขณะกลุ่มที่อาจจะเศรษฐานะไม่ดีนัก เขาอาจจะเริ่มต้นครอบครัวเร็ว บางทีอายุ 20 ต้นๆ เขาก็โอเค แต่งงานกันแล้ว มีลูก ก็มีลูกง่ายๆ ตามธรรมชาติ

“ก็เลยเป็นภาพที่เราได้เห็นกันทั่วว่า คนรวยมีลูกยาก คนฐานะไม่ค่อยดีนักมีลูกง่าย มีลูกเยอะ” รศ.นพ.สุภักดีกล่าว




อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเรื่องอายุ ยังมีประเด็นความผิดปกติทางร่างกาย ที่ส่งผลต่อการมีบุตรยาก

รศ.นพ.สุภักดีเผยว่า ในกรณีเพศหญิง ส่วนใหญ่อาจจะเกิดจากความผิดปกติที่ตัวมดลูก เช่น เป็นเนื้องอกในมดลูก การตกไข่ไม่ปกติ หรือว่าในกรณีมีความผิดปกติข้างใน เช่น มีพังผืดในช่องเชิงกราน เรียกว่า “ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” ซึ่งจะพบประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่มีลูกยาก

ส่วนในผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องอสุจิไม่ปกติ คือจำนวนตัวอสุจิน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ที่ประมาณ 20 ล้านตัวต่อ 1 ซีซี แต่การมีอสุจิ 20 ล้านตัวต่อ 1 ซีซี ก็ใช่ว่าจะมีลูกได้ง่ายๆ เพราะต้องดูอัตราการว่ายของอสุจิด้วย

“จริงๆ แล้วในคนทั่วๆ ไป ที่เขามีลูกกันเองโดยธรรมชาติ จะมีอสุจิสัก 40-80 ล้านตัวต่อซีซี แล้วอัตราการว่าย 40-50 เปอร์เซ็นต์ อาจจะไม่ได้ว่ายทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ทุกตัวก็ได้ นอกจากนี้ ต้องดูรูปร่างของอสุจิด้วย ว่าเป็นอสุจิที่ปกติไหม เมื่อเทียบกับคนทั่วๆ ไป” รศ.นพ.สุภักดีให้ความรู้

อัตราเหล่านี้ไม่ได้บ่งบอกถึงการมีลูกตามธรรมชาติได้หรือไม่ได้ของเพศชาย หากแต่หมายถึงโอกาสในการทำให้ตั้งครรภ์

รศ.นพ.สุภักดีบอกว่า ชายหลายคนอาจจะมีอสุจิต่ำกว่าเกณฑ์ก็จริง แต่สามี-ภรรยาจำนวนหนึ่งกลับประสบความสำเร็จในการให้กำเนิดบุตร แม้พ่อบ้านต้องเจอปัญหาเรื่องคุณภาพอสุจิ

เพราะสุดท้ายแล้ว ผู้ไม่มีโอกาสมีลูกตามธรรมชาตินั้น จะต้องเป็นบุคคลผู้มีจำนวนอสุจิเท่ากับ “0” หรือ “เป็นหมัน”

หลายคนมักมีความเชื่อว่าการออกกำลังกายและกินอาหารเสริมจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องมีลูกยาก แต่ รศ.นพ.สุภักดีให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีผลวิจัยหรือผลการศึกษาที่ยืนยันว่ากิจกรรมเหล่านี้ส่งผลต่อการมีบุตรโดยตรง แต่อาจช่วยในเรื่องของสุขภาพและกำลังใจมากกว่า

“ผู้หญิงบางคนถามว่า ต้องไปกินยาอะไร กินอาหารอะไร ไปดูแลสุขภาพดีไหม ให้แข็งแรง รังไข่จะได้แข็งแรง ไม่จริงหรอก ช่วยไม่ได้ เพราะว่ารังไข่เป็นอะไรที่ช่วงอายุเขาสั้น ช่วงชีวิตของเขาสั้น เพราะฉะนั้น เมื่อเขาไปแล้ว เขาก็ไปแล้ว ย้อนกลับไม่ได้

“ส่วนของผู้ชายบางคนบอกว่าไปกินหอยนางรม กินซิงก์ กินอะไรพวกนี้ มันอาจจะไปช่วยทางด้านสมรรถภาพทางเพศมากกว่า แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอสุจิ”

รศ.นพ.สุภักดีแนะนำว่า ถ้าพ่อ-แม่คู่ไหนยังมีอายุอยู่ในช่วงเวลาที่ดีและร่างกายเป็นปกติ ก็ยังพอมีเวลาที่จะสามารถมีลูกตามธรรมชาติได้

แต่หากร่างกายไม่ปกติและเริ่มมีอายุเกินช่วงเวลาเหมาะสมแล้ว ก็ไม่ควรเสียเวลากับ “สิ่งที่ไม่ใช่” เพราะอาจส่งผลให้หมดโอกาสตั้งครรภ์

     ทั้งนี้ เทคโนโลยีช่วยการตั้งครรภ์หรือที่เรียกว่าการทำ “เด็กหลอดแก้ว” อาจเป็นอีกช่องทางหนึ่งซึ่งสามารถช่วยสานฝันให้แก่คุณพ่อคุณแม่ผู้มีบุตรยาก แม้จะไม่ใช่วิธีการตามธรรมชาติก็ตาม



ในทางการแพทย์อธิบายว่า การเกิดของมนุษย์จะเกิดขึ้นเมื่อสเปิร์มในน้ำอสุจิจากเพศชายเข้าไปผสมกับไข่จากเพศหญิง แล้วฝังตัวที่ผนังมดลูก ถ้าครบ 3 องค์ประกอบนี้ก็จะมีการเกิดของมนุษย์เกิดขึ้นได้
ในขณะที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า (พระไตรปิฎก เล่มที่ 12 พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ข้อ 452) มนุษย์จะเกิดได้ต้องมีองค์ประกอบครบ 3 อย่าง คือ พ่อแม่มีเพศสัมพันธ์กัน ขณะนั้นเป็นช่วงไข่สุก และมีวิญญาณเหมาะสมที่จะเกิด
หากเรามองแบบผ่านๆ อาจจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่างคำอธิบายสองแบบนี้ แต่คำอธิบายทางการแพทย์ไม่สามารถอธิบายคำถามที่ว่า ทำไมบางคนถึงมีลูกยาก คำถามนี้เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก เพราะว่ามีผู้คนมากมายที่มีลูกยากทั้งๆ ที่สุขภาพแข็งแรงทั้งพ่อและแม่ และพยายามมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ไข่ตกหลายครั้ง พยายามมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูกสักที จนมีโรงพยาบาลหรือคลินิกทางด้านนี้เกิดขึ้นโดยเฉพาะ




แต่ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยีใหม่แค่ไหนในการผสมเทียม แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ทุกคนมีลูกได้ สุดท้ายแพทย์ก็จะสรุปว่าเป็นเพราะมีปัจจัยลบ เช่น ดื่มเหล้า เครียด มีฮอร์โมนต่ำ พักผ่อนน้อย สุขภาพไม่แข็งแรง แต่ในขณะเดียวกันเรากลับพบว่า บางคู่ที่มีปัจจัยลบเต็มไปหมด ดื่มเหล้ามาก เครียดหรือพักผ่อนน้อย สุขภาพไม่แข็งแรง กลับมีลูกได้ แถมอาจจะมากด้วย ทางการแพทย์ไม่สามารถอธิบายถึงความขัดแย้งเหล่านี้ได้
แต่หากเราดูคำอธิบายของพระพุทธเจ้าก็จะสามารถตอบคำถามเรื่องมีลูกยากได้ทันที คือแม้ว่าพ่อแม่จะมีเพศสัมพันธ์กันและเป็นช่วงไข่สุก แต่หากช่วงเวลานั้นยังไม่มีวิญญาณที่เหมาะสมที่จะเกิดในครรภ์นั้น ก็จะไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น เช่น ครอบครัวที่ร่ำรวย พ่อและแม่จิตใจดี ญาติพี่น้องก็จิตใจดี ก็ต้องได้ดวงวิญญาณที่มีกรรมเหมาะสมที่จะเกิดในครอบครัวนี้ หากยังไม่มีวิญญาณที่เหมาะสมในช่วงนั้น ทำอย่างไรก็จะไม่มีลูก ครอบครัวที่ยากจนหาเช้ากินค่ำ เกิดในสลัม ญาติพี่น้องติดยาเสพติด ก็ตอ้งการวิญญาณที่มีกรรมที่เหมาะสมมาเกิดเช่นกัน

อสุจิจากพ่อ + ไข่จากแม่ + มีวิญญาณที่เหมาะสม = มีการเกิด

อสุจิจากพ่อ + ไข่จากแม่ + ไม่มีวิญญาณที่เหมาะสม = ไม่มีการเกิด

พูดง่ายๆ ก็คือ การที่เราจะมาเกิดเป็นคนได้ เราจะต้องหาที่เกิดที่เหมาะสมกับกรรมที่เราเคยทำด้วย เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ขอให้นึกถึงจิ๊กซอว์ การที่เราจะวางจิ๊กซอว์ลงไปได้นั้น รูปทรงของจิ๊กซอว์นั้นจะต้องพอดีกับช่องว่างนั้น หากมีช่องว่าง แต่หาจิ๊กซอว์ที่พอดีไม่เจอ ก็จะหาอะไรมาลงไม่ได้ หากมีจิ๊กซอว์ แต่หาช่องที่ลงพอดีไม่ได้ ก็จะลงไม่ได้เช่นกัน ลองคิดตามดูว่า คนที่มีปัญหามีลูกยากส่วนใหญ่จะเป็นคนรวยหรือคนจน

บางศาสนานั้นยกเรื่องการเกิดของมนุษย์ให้กับพระเจ้าหรือเทพ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็คงรู้สึกว่าพระเจ้าหรือเทพนั้นช่างไม่มีความยุติธรรมเลย ทำไมบางคนอยากมีลูกถึงไม่มี บางคนไม่อยากได้แต่ก็มี บางคนได้ลูกออกมาก็เป็นลูกที่ดี แต่บางคนได้ลูกที่ไม่ค่อยดี ทำไมสร้างบางคนมาดีทุกอย่าง แต่สร้างบางคนมาแย่เกือบทุกอย่าง แล้วทำไมไม่สร้างผมให้ดีพร้อมทุกอย่าง ช่างลำเอียงเสียจริงๆ พระเจ้าใช้เกณฑ์อะไรให้สิ่งดีๆ กับคนไหน ให้สิ่งไม่ดีกับคนไหน รู้สึกเหมือนผมไหมครับว่า หากเราโยนเรื่องนี้ให้พระเจ้าหรือเทพเจ้า เราจะยิ่งหาคำตอบที่สมเหตุสมผลไม่ได้

แต่ในพุทธศาสนานั้นแตกต่างออกไป พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า (จูฬกัมมวิภังคสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ข้อ 579-597) “สัตว์ทั้งหลาย มีกรรมเป็นของตน มีตนเป็นทายาแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวหรือประณีตได้” 




ในส่วนของเพศที่เกิดนั้นมีการกล่าวเอาไว้เช่นกัน เช่น (พระไตรปิฎก เล่มที่ 28 พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก ภาค 2 ข้อ 862-865) คนที่มีความเด็ดเดี่ยวในการรักษาศีลข้อประพฤติผิดในกามจะทำให้เกิดเป็นชาย คนที่ทำผิดในเรื่องของประพฤติผิดในกามจะทำให้เกิดเป็นหญิง ผู้ที่ประพฤติผิดในกามโดยไม่มีความละอายใจจะได้รูปกายเป็นชาย แต่จะได้ใจที่เป็นหญิงตั้งแต่เกิด

จากความเข้าใจตรงนี้ เราจะสามารถตอบข้อสงสัยได้เลยว่าทำไมปัจจุบัน คนที่ได้รูปเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงจึงมีมากขึ้น เพราะหลังๆ คนประพฤติผิดในกามมากกว่าในอดีต ฉะนั้นเราคงพอจะทำนายได้ว่าในอนาคตจะมีชายแท้น้อยลงเรื่อยๆ (สวรรค์ของชายแท้ เพราะผู้หญิงจะมีทางเลือกน้อยลง) และประชากรโลกจะค่อยๆ ลดลง

ฉะนั้น หากใครที่เคยคิดว่า ทำไมเราไม่เกิดมาในครอบครัวที่รวยกว่านี้ มีพ่อแม่ที่หน้าตาดีกว่านี้ เราจะได้หน้าตาดีกว่านี้ มีพ่อแม่ที่ผิดขาวกว่านี้ ฯลฯ ถึงวันนี้คุณก็ต้องคิดใหม่แล้วครับ เลิกโทษพ่อแม่ได้แล้ว เพราะการที่เราเกิดมามีฐานะ หน้าตา ผิวพรรณ เพศแบบนี้ ฯลฯ เป็นเพราะกรรมที่เราได้เคยทำมานั่นเอง บุญแค่ไหนแล้วที่เราสามารถหาที่ที่เหมาะสมที่เราจะสามารถลงมาเกิดได้ หากไม่มีพ่อและแม่คู่นี้ เราก็จะไม่สามารถเกิดมาได้ เหมือนเราเป็นจิ๊กซอว์ที่หาช่องที่เหมาะสมลงไม่ได้นั่นเอง

ในทางตรงกันข้าม หากวันนี้คุณเป็นพ่อแม่ที่มีลูก แล้วลูกของคุณมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เป็นอย่างที่คุณปรารถนา อย่าไปโทษลูกของคุณ ก็ขอให้รู้เอาไว้ว่านั่นก็เป็นเพราะผลกรรมที่คุณได้ทำมาเช่นกัน




จากความเข้าใจทั้งหมดเราจึงสรุปได้ว่า คนเราจะตั้งครรภ์ได้ต้องมีทั้งรูปธรรมที่จับต้องได้ (ไข่และอสุจิซึ่งจะกลายเป็นร่างกายเรา) กับนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ (ซึ่งก็คือวิญญาณของเรา) เราจึงเริ่มเชื่อมโยงได้ว่า คนจะเกิดมาได้จะต้องมีวิญญาณที่เหมาะสมมาเกิด โดยที่คนเราจะเกิดมามีฐานะ หน้าตา ผิวพรรณ ฯลฯ ที่แตกต่างกันตามกรรมเก่าที่แตกต่างกัน ก็ทำให้เราพอจะเริ่มเชื่อมโยงได้ว่าเราน่าจะมีชีวิตหลังความตายจากชาติที่แล้ว ส่วนชาตินี้เมื่อส่วนที่เป็นร่างกายเราได้ตายไปแล้ว ก็จะถึงเวลาที่ส่วนของวิญญาณที่อยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตจะต้องแยกออกจากร่างกาย และหากถึงวันที่จะเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง กรรมที่เคยทำทั้งในชาติก่อนและชาตินี้ ก็จะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะไปเกิดในครอบครัวแบบไหน จะมีฐานะ หน้าตา ผิวพรรณ ฯลฯ อย่างไรนั่นเอง นี่เป็นวัฏจักรหนึ่งซึ่งทำให้เราสามารถตอบคำถามเรื่องการเกิดและเรื่องของชีวิตหลังความตายได้ชัดเจนขึ้น

 กรรมในชาติก่อน => มีฐานะ หน้าตา ผิวพรรณ ฯลฯ แบบปัจจุบัน

กรรมในชาติก่อน + ชาตินี้ => มีฐานะ หน้าตา ผิวพรรณ ฯลฯ แบบไหนในอนาคต – ชาติหน้า




ขอขอบคุณข้อมูลจากจากเว็บ   haijai.com  ,   มติชนสุดสัปดาห์















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น