คลังบทความของบล็อก
9 มีนาคม 2563
ผู้ชุบชีวิตซุปเปอร์แมน
เมื่อนักแสดงชาวอเมริกัน คริสโตเฟอร์ รีฟ ฟื้นขึ้นจากอาการโคม่าที่โรงพยาบาลและรับรู้ว่าเขากลายเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไปนั้น สิ่งแรกที่เขาคิดคือการฆ่าตัวตายให้พ้นทุกข์
ดานา ภรรยาของเขาบอกว่าขอผ่านเวลาสักสองปีก่อนได้หรือไม่ เธอบอกเขาว่า “หากถึงตอนนั้นคุณยังไม่หาย ฉันจะช่วยฆ่าคุณเอง”
สองปีผ่านไป เขาเลิกล้มความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
เธอบอกคนอื่นในภายหลังด้วยเสียงหัวเราะว่า “ฉันก็สัญญากับเขาไปยังงั้นแหละ... สัญญาแบบพวกเซลส์แมนไง”
ดานาเป็นหญิงสาวสวย เป็นนักแสดงและนักร้องที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุตกม้าและเป็นอัมพาตถาวร เธอก็เลิกอาชีพการงานของเธอ ไปอยู่เคียงข้างเขาให้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป
ดานาไม่เคยสิ้นความหวังที่จะหาทางรักษาสามี เสาะหานักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาประสาทวิทยาและต่อมาก็ก่อตั้งองค์กรวิจัยงานทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยเหลือคนเป็นอัมพาต พยายามต่อสู้เพื่อให้รัฐยอมรับการวิจัยปลูกถ่าย สเตม เซลล์ ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลไม่สนับสนุน ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่อิงกับศาสนา โดยบอกว่ามันเป็นเรื่องเหนือกงการของมนุษย์ที่ไปก้าวก่าย ‘ผลงาน’ ของพระเจ้า
เก้าปีถัดมา เขาก็จากเธอไป
เก้าปีสำหรับคนที่เป็นอัมพาตอาจดูยาวนานเหมือนอนันตกาล แต่สำหรับเขา มันเป็นของขวัญ ทุก ๆ วันที่เขายังหายใจได้เป็นวันพิเศษ เขายังคงเล่นและกำกับหนัง ร่วมกิจกรรมการกุศลต่าง ๆ ทั้งที่ต้องนั่งบนเก้าอี้เข็นตลอดเวลา
เขาบอกว่า เขาโชคดียิ่งที่มีคู่ชีวิตเช่นเธอ ทั้งสองแต่งงานมานานสิบสองปี รักกันมาก และเพราะความรักนี้เองที่ทำให้เขาอยู่นานขนาดนั้น
เมื่อเขาจากโลกไปนั้น เธอบอกว่า แสงสว่างของเธอดับวูบ เธอสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปแล้ว
เธอซ่อนความเศร้าไว้ภายใน แล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ สานต่องานของเขา นั่นคือเรี่ยไรเงินให้มากพอสำหรับการวิจัยของมูลนิธิ โดยเฉพาะเมื่อปราศจากสามีผู้มีชื่อเสียง การเรี่ยไรเงินไม่ใช่งานง่าย การโน้มน้าวใจคนในรัฐบาลยิ่งยากเย็น ใบหน้าของเธอเป็นที่คุ้นตาคนในวอชิงตันมากขึ้น เมื่อเธอพยายามล็อบบี้กฎหมายบางฉบับเพื่อให้สามารถวิจัยการปลูกถ่าย สเตม เซลล์
ชีวิตและงานเดินหน้าต่อไป มูลนิธิมอบเงินสนับสนุนโครงการต่าง ๆ มากมายเพื่อชีวิตที่ดีกว่า จนถึงวันนี้มูลนิธิให้เงินสนับสนุนการวิจัยมากกว่าห้าสิบห้าล้านเหรียญสหรัฐฯ และโครงการใหม่ของเธอเองอีกแปดล้านเหรียญ
สิบเดือนหลังจากเขาจากไป หมอบอกเธอว่าเธอเป็นมะเร็งปอด เป็นข่าวที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะเธอไม่สูบบุหรี่ หลายคนเชื่อว่าความเศร้าที่รุมเร้าเธอหลังจากความตายของเขาน่าจะมีส่วนอย่างมากที่ทำให้เธอล้มป่วย
หลังจากผ่านการรักษาด้วยเคมีบำบัด และสูญเส้นผม เธอสวมวิกที่ยืมมาจากเพื่อน ออกงานการกุศล เธอยังร้องเพลงด้วยรอยยิ้มราวกับไม่มีเรื่องร้ายใด ๆ เกิดขึ้นกับเธอ
อาจเป็นความรักอันท่วมท้นที่ไม่มีวันเหือดแห้งของเขาที่มีต่อเธอที่ทำให้เธอเข้มแข็งต่อไป เธอบอกว่า “มันเป็นเรื่องที่ออกจะลี้ลับสักหน่อย แต่ใครบางคนบอกว่า ‘เขาจะอยู่กับคุณเสมอไป’... ฉันคิดว่าใครคนหนึ่งต้องรักคุณมากถึงขนาดที่เกิดพลังงานที่จะอยู่ร่วมกับคุณ และนั่นเป็นความรู้สึกสบายอย่างหนึ่ง และมันรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นจริง”
อาจเป็นเพราะความรักของมนุษย์ไม่มีวันเหือดแห้ง ที่ทำให้มนุษยชาติอยู่รอดมาถึงวันนี้
ความรักสามารถทำให้คนคนหนึ่งลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปข้างหน้า ความรักอันแท้จริงทำให้เราแลเห็นคุณค่าของชีวิต ทั้งของเราเองและของผู้อื่น มีแต่รักแท้ที่ทำให้เราเกิดเมตตาต่อสรรพชีวิตโดยไม่มีข้อแม้
เพราะนี่เป็นโลกที่แสนยุ่งเหยิงและเศร้าสลัวเสมอ เราจึงต้องการแสงสว่างของความรักขับไล่ความสลัวนั้น
………………
ดานา รีฟ จากโลกไปเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2006 หนึ่งปีกับห้าเดือนหลังจากคนที่เธอรักตายไป เธอมีอายุเพียงสี่สิบสี่ปี
แต่ช่วงชีวิตของเธอไม่นับว่าสั้นแม้แต่น้อย เพราะโลกของเธอคือโลกแห่งความสว่างไสว
บางทีความรักของคนบางคู่ยิ่งใหญ่เกินไปที่จะถูกจำกัดด้วยเวลา เป็นความรัก - เช่นที่เธอว่า - ขนาดที่เกิด ‘พลังงานที่จะอยู่ร่วมกัน’
นั่นเป็นความรู้สึกสบายอย่างหนึ่ง และมันรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นจริง
………………
ย่อจากหนังสือ ความฝันโง่ ๆ
วินทร์ เลียววาริณ
เครดิตจากเพจ เจาะเวลาหาอดึต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น