คลังบทความของบล็อก

31 ธันวาคม 2562

เกียรติและความเคารพ


ขอบคุณภาพประกอบจากgoogle


ชายหนุ่มซื้อปลามาจากตลาด เขาบอกภรรยาว่า…“ที่รัก ผมซื้อปลามา คุณช่วยทอดให้หน่อยนะ เดี๋ยวผมจะไปดูหนังสักเรื่องหนึ่ง แล้วจะกลับมากิน”

เมื่อภรรยาได้ยินว่าสามีจะไปดูหนัง ก็เอ่ยขึ้นว่า “ฉันไปดูด้วย!”

ชายหนุ่มได้ตอบกลับไปว่า “อย่าไปเลย คุณอยู่ทำกับข้าวที่นี่ ค่าตั๋วก็แพง ผมไปดูคนเดียว เดี๋ยวจะกลับมาเล่าให้ฟัง พร้อมทานปลาที่คุณทำนะๆ”

เมื่อชายหนุ่มกลับมาจากดูหนัง ก็เดินเข้าไปที่ห้องครัว แล้วถามภรรยาว่า “คุณ! ปลาทอดอยู่ไหน?”

ภรรยาสาวนั่งอ่านหนังสือด้วยอาการสงบ แล้วตอบว่า “ฉันกินหมดแล้ว! มาๆ มานั่งใกล้ฉันเลยคุณ เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังว่าปลามันอร่อยยังไง?”

เรื่องนี้สะกิดว่า “คุณปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร เขาก็อาจปฏิบัติต่อคุณอย่างนั้น”

เครดิตเนื้อหาจากเพจ เนื้อหาสาระ

ชีวิตของเจ๊นัน



ขอบคุณภาพประกอบจาก google


ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผมได้รับมอบหมายจากพ่อ ให้ไปซื้อข้าวสาร จากองค์การคลังสินค้าแห่งประเทศไทย  ผมจำได้ว่าสมัยนั้นอยู่ใกล้ๆกับวัดพระแก้ว(ประมาณนี้หากจำผิดขออภัย)  เมื่อซิ้อแล้วเจ้าหน้าที่จะมอบบิลรายการสั่งซื้อให้   เรานำบิลสั่งซื้อไปขึ้นข้าวสารที่โกดังแถบราษบูรณะ  ในสมัยนั้นเราตัองนำสิบล้อไปขึ้นแพขนานยนต์แถวพระประแดง  เพื่อไปที่โกดังซึ่งเป็นที่เก็บข้าวสารขนาดใหญ่  มีโกดังมากมายพร้อมกับ''จับกัง''แบกข้าวสารนับร้อยชีวิต  ผมได้พบเจ๊นันที่นี่...เจ๊นันและผมถูกชะตากัน  ด้วยความที่ผมเป็นลูกเจ๊ก เจ๊แกก็ชอบเด็กหนุ่มผิวขาวหน้าตาแย้มยิ้มและเป็นกันเองอย่างผม เราจึงสนทนาปราศัยอย่างคนกันเอง   เจ๊น้นเล่าอดีตอันขมขื่นของแกให้ผมฟัง  เจ๊นันหรือ''นายอนันต์''เป็นกระเทยในวัยประมาณ50ปึ  แกเป็นชาวขอนแก่นรูปร่างสูงใหญ่ผิวดำแดง  ริมฝีปากสีแดงของแกทาลิบสติกเป็นนิจ  ใบหน้าพอกด้วยแป้งผัดหน้าราคาถูก   รูปร่างของแกเหมาะเป็นนักรบโบราณมากกว่าเป็นอย่างอื่น  พระเจ้าคงเล่นตลกกับแกเป็นแน่  เจ๊นันเช่าบ้านหลังเล็กๆกับผัวหนุ่มจับกังของแก  ผัวหนุ่มขี้เหล้ามักเห็นแกเป็นกระสอบทรายเคลื่อนที่อยู่เสมอๆ  เป็นเรื่องน่าแปลก...ที่เจ็นันมักเจอผัวนักมวยที่ชอบใช้ร่างกายของแก  เป็นที่ระบายอารมณ์เวลาเมาอยู่เนืองนิจ  แกทนไม่ไหวแกก็ต้องหอบผ้าหนีตายไปที่อื่น  ทำไปทำมาแกก็ต้องกลับมาประกอบอาชีพ''จับกัง''เช่นเดิม  แกเล่าว่าอาชีพอื่นๆแกไปไม่รอด  แล้วแกก็เปลี่ยนผัวไปเรื่อยๆ เช่นกัน   ชีวิตของแกวนเวียนอยู่เช่นนี้  ตั้งแต่แกอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซํ้า  ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ผิวดำเข้มซึ่งเป็นปมดับในปมด้อยของคนเพศทางเลือกอย่างเจ็นัน  ทำให้แกไม่มีทางเลือกมากนักในการใช้ชีวิต บวกกับนิสัยหงิมๆเงียบๆของแก  มันทำให้แกใช้ชีวิตที่ยากขึ้น  พระเจ้าปั้นแกอย่างไม่เต็มใจปั้น พระเจ้าโหดร้ายกับแกเกินไป


ขอบคุณภาพประกอบจากเพจ ภาพเก่าเล่าอดึต

     ภายในโกดัง...กองกระสอบป่านบรรจุข้าวสาร  เรียงรายเป็นทิวแถวเป็นระเบียบ  มันสูงจนผมต้องแหงนคอมอง  ไม้แผ่นหนาหลายแผ่นยาวไม่ตํ่ากว่า10เมตร  พาดไปมาตามกองกระสอบข้าวสาร  มันไต่ระดับตั้งแต่ด้านล่างจนถึงด้านบนของกระสอบข้าวสาร  เหล่าจับกังแบกข้าวสารหนัก100กิโลเหมือนแบกปุยนุ่น  เหงื่อออกโซมกาย  รอยต่อตามซอกแถวของกระสอบข้าวสาร  ซุกซ่อนไว้ด้วยยาชูกำลังแบบพื้นบ้าน  มันถูกบรรจุไว้ในซองพลาสติกเล็กๆ  ยาชูกำลังที่ผมเอ่ยถึงคือ''ยาม้าและใบกระท่อม''  จับกังบางคนกำลังง่วนอยู่ตรงจุดนี้  ผมสอบถามถึงยาชูกำลังของเจ๊นัน  เจ็แกมองซ้ายมองขวาแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ  แล้วงัดซองพลาสติกยับยู่ยี่พลางล้วงสิ่งหนึ่งออกมา  มันคือ''ยาม้า''นั่นเอง  แกบอก...ถ้าขาดมันแกก็อยู่ไม่ได้
   อีกดรั้งที่ผมได้เจอเจ๊นันที่โกดัง  ใบหน้าของแกบวมปูดริมฝีปากแตกบวมเจ่อ  แกยิ้มให้ผมเศร้าๆพร้อมหลบตา  ผมยิ้มให้แกและแกล้งมองไปทางอื่น  ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่าแกโดนอะไรมา  และวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ผมเจอเจ๊นัน  ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้า  หรือ...เคราะห์กรรมที่ประสบพบเจอในชาตินี้  เป็นผลกรรมในอดีตชาติ  แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็หาที่มาที่ไปไม่ได้เช่นกัน  โลกนี้มักมีคำถามที่ไม่เคยมีคำตอบ  วันหนึ่งผมไปรับข้าวสารที่โกดังเช่นปกติ  เจ๊นันหายไป...สอบถามอาเจ้กที่คุมโกดัง  แกเล่าว่าเจ็นันหายหน้าไปหลายวันแล้ว  ได้ข่าวว่าหนีผัวใหม่แล้วสาบสูญไปเลย  ผมนั่งรถบรรทุกข้าวสารที่หนักอึ้งกลับสัตหีบ  แต่ในหัวของผมหนักกว่า  เพราะในหัวมันมีแต่คำถามกับชะตาชีวิตของเจ๊นัน  หรือนี่คือ''วิบากกรรม''ที่หลวงพี่หลวงพ่อทั้งหลายมักเรียกกัน  และหรือเป็นสิ่งที่เจ๊นันเลือกเอง ?

บันทึกจากประสบการณ์ที่ได้พบเจอของผมเอง

30 ธันวาคม 2562

กัญชากับการเดินทาง





Thai Stick กัญชาสายพันธุ์ไทยแท้(ด้ายแดง)

Thai Stick เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะตัวแทนกัญชาไทย ในช่วงปลายยุค 60 ถึงต้น 70 Thai Stick ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในอเมริกา เรียกว่าในขณะนั้นถ้าพูดถึงประเทศไทยชาวอเมริกันคงไม่ได้นึกถึงต้มยำกุ้ง หรือ ข้าวหอมมะลิแบบทุกวันนี้ แต่คงนึกถึง Thai Stick
ของแท้ต้องมาจากนครพนม อุดร สกลนคร
เรื่องราวเริ่มต้นจากสงครามเวียดนามในปี 1956 ทหารอเมริกันมากมายถูกส่งมาประจำการที่เมืองไทย และ Thai Stick เป็นที่นิยมของเหล่า GI เป็นอย่างมาก จนเริ่มมีการลักลอบนำ Thai Stick เข้าไปสู่อเมริกาในช่วงยุค 60 ด้วยคุณภาพระดับ Premium ของดอก ความแรงและรสชาติที่ดีในการสูบ ทำให้ Thai Stick กลายเป็นสายพันธุ์ยอดนิยมในยุคนั้น

ในปี 1975 สงครามยุติลง ทำให้อุตสหกรรม ส่งออกกัญชาของไทยไปยังอเมริกายุติลงตามไปด้วย และ ชื่อ Thai Stick เริ่มเปฺ็นที่รู้จักน้อยลง มีความพยายามที่จะปลูก Thai Stick ในอเมริกาอยู่บ้างแต่ได้ผลผลิตไม่ดีเพราะเป็นพืชพื้นเมืองของไทยชอบอากาศร้อนชื้น

ภายหลังมีรายงานการค้นพบสายพันธุ์ใหม่ที่มี Thai Stick เป็นต้นตระกูล และยังพบว่า Thai Stick อยู่ในเมนูกัญชาที่ขายกันใน Cannabis Coffee Shop ตามที่ต่างๆเช่น Amsterdam เป็นต้น

น่าเสียดายนะครับถ้าปล่อยให้พืชพันธุ์พื้นเมืองของไทย ถูกต่างชาติ (ที่บังคับให้เราออกกฎหมายห้ามกัญชา) เอาสายพันธุ์ของเราไปพัฒนาและได้ประโยชน์ในทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล





  เครดิตข้อมูลจาก Charan Naksikha จากเพจ ภาพเก่าในอดีต และภาพประกอบบางส่วนจาก google

ความเห็นส่วนตัวของผม(ผู้นำเสนอบทความนี้ )  : ในสมัยสงครามเวียดนามใกล้ปิดฉาก  มีทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งขนกัญชากลับประเทศแม่  โดยใส่กัญชาไว้ในโลงศพเพื่อนๆทหารด้วยกัน  โดยทำกันอย่างเป็นลํ่าเป็นสัน  เหตุการณ์นี้ต่อมาฮอลลีวู๊ดได้นำสร้างเป็นภาพยนต์ด้วย  แต่ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตีตราครุฑบนถุง    ปกติเขาไม่ทำกันบนถุงสินค้าใดๆ เพราะตราครุฑถือเป็นของสูง ถ้าจะมีบนตราของบริษัทใด   ก็ต้องได้รับพระบรมราชานุญาตเสียก่อน  เพราะกัญชาเป็นสิ่งผิดกฏหมายมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2477   เนื้อหาที่ผมนำมาเสนอนี้  ขอให้ผู้อ่านโปรดวางอุเบกขาฟังหูไว้หู  เพราะไม่สามารถเจาะจงได้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ  อนึ่ง  ด้วยความที่ผมเป็นคนอำเภอสัตหีบ  ดินแดนของฐานทัพอเมริกัน(สนามบินอู่ตะเภาในยุคสงครามเวียดนาม)   เคยได้ยินได้ฟังคนไทยในสมัยนั้น(สงครามเวียดนาม)  ที่เข้าไปทำงานในฐานทัพอเมริกัน  เล่าให้ฟังเกี่ยวกับทหารไอ้กันกับกัญชาอยู่เสมอ ๆ  

29 ธันวาคม 2562

ภาพเก่า พ่อค้าแม่ขายในอดีต ชุดที่ 1

สมัยนี้เศรษฐกิจฝืดเคืองขนาดหนัก  คนตกงานก็เยอะแยะไปหมด ยิ่งเด็กที่เพิ่งจบมาใหม่ๆยิ่งหางานยากเย็นแสนเข็น    ขโมยขโจรก็เต็มบ้านเต็มเมือง   คนไทยกำลังเคร่งเคลียดเรื่องปากเรื่องท้อง   เรื่องหาเงินเข้าบ้าน
ก็ยากแสนยาก   ราคาผลผลิตทางการเกษตรก็ราคาตกตํ่าจนน่าใจหาย   คนที่จนอยู่แล้วก็จนหนักซํ้าเข้าไปอีก
ปรากฏการณ์ลักษณะนี้   มันบีบบังคับให้คนมันสุดหนทางเสมือนหมาจนตรอก   ท้องมันหิวเงินไม่มีใช้ภาระมัน
บีบคั้นชีวิตให้หาทางออก  พบทางออกที่ดีก็รอดตัวไป   ไปหาทางออกที่ไม่ดีก็ติดคุกติดตะรางหัวโต   น่าเห็น
ใจจริงๆครับ   ผมสังเกตุเห็นในซอยบ้านผมในระยะหลังๆมานี่   มีร้านขายของชำเพิ่มขึ้นทุกวัน  คนขายก็เป็น
คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ๆ  ถามไถ่ไปมาว่าทำไมมาเปิดร้านแข่งกัน  คำตอบคือ...ยังหางานไม่ได้บ้าง  ไม่รู้จะไปทำ
อาชีพอะไรบ้าง  เพราะคนไทยไม่ค่อยมีเงินใช้จ่ายกัน   ไม่อยากเสี่ยงที่จะไปทำธุรกิจที่อยากทำ....กลัวเจ๊งไม่
เป็นท่า   ตอนนี้ขอเปิดร้านชำเล็กๆ  ประคองตัวไปก่อน  รอให้เลือกตั้งเสร็จก่อนแล้วค่อยคิดกันใหม่  เห็นว่า
งั๊น   ร่ายยาวมาพอควร  วันนี้ผมขอเสนอบทความเกี่ยวกับอาชีพค้าขาย  พร้อมกับภาพเก่าๆในอดีตกาล  ที่เกี่ยว
กับอาชีพค้าขายของคนไทยในอดีต  ว่ามันเป็นยังไง....แล้วเขาขายอะไรกันบ้าง  เรามาชมกันครับท่านพี่น้อง











ไม่ทราบว่าขายอะไร























ร้านขายของชำบนแพที่แม่นํ้าเจ้าพระยา(บางกอก)





คงเป็นลูกแม่ค้า และคงมาขายของหน้าโรงยี่เก



ป้ายหน้าร้านเขียนว่าขายเหล้า



พ่อค้าแม่ขายคงเป็นชาวสวนนำผลผลิตมาขาย



ไม่เห็นปาท่องโก๋












ก๋วยเตี๋ยวเรือของแท้


ร้านขายยางรถยนต์ และคงจะรับปะยางด้วยเป็นแน่


พ่อค้าขายนํ้าตัวน้อย กำลังสนใจเด็กนักเรียนรุ่นเดียวกับตน




รถรับจ้างขนผักที่เยาวราช



คุณยายขายหมากขายพลู แต่ร้านด้านหลังขายอะไรเอ่ย ?









แม่ค้าชอบกล้อง





อยากย้อนเวลากลับไปจัง





รถเข็นขายผลไม้ดองส่วนเจ้าตัวโตขายหมูปิ้ง แล้วเจ้าตัวเล็กขายอะไรเอ่ย



หนุ่มรถเข็นผักนั่งพักเหนื่อย

















ขายกาแฟร้อนแน่นอน


แม่ค้าขายปลาเค็ม ที่ตลาดปากนํ้าประแสร์



ไม่ต้องอธิบาย ว่าขายอะไร





แม่ค้าขายสัปปะรดเดินตัวปลิวเลย  หาบจนชิน









ไม่ทราบว่าขายอะไร  แต่แม่ค้าคงจะนั่งหลับแน่นอน  คงขายจนเพลีย







ขายอะไรครับแป๊ะ ?






หยอดเหรียญแล้วรอลุ้นว่าจะได้กี่อัน  เดี๋ยวนี้หากินไม่ได้แล้ว


โรตีสายไหม หยอดเหรียญแล้วลุ้นเอา






ร้านขายของชำเคลื่อนที่ บริการถึงหน้าบ้าน



สองพ่อลูกกับการเร่ขายสินค้าประจำบ้าน


















เมื่อโชว์งูเสร็จ ก็ขายยา(แก้สารพัดโรค)





สังเกตุที่เด็กผู้หญิง  ซึ่งแม่หนูน้อยหาบนํ้ามาขาย






ขอขอบพระคุณ ท่านเจ้าของภาพทุกท่านที่ได้ร่วมแบ่งปันประวัติศาสตร์ร่วมกันครับ


------------------------------------------------