องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัด นครปฐม
องค์พระปฐมเจดีย์ไม่เคยมีนักโบราณคดีมาขุดค้นทำการศึกษาเป็นหลักฐาน
คงมีแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ทำการขุดลงไปภายในซากเจดีย์
พบอิฐหลายขนาด หลายรุ่น จึงทรงพิเคราะห์ว่าเจดีย์องค์นี้เป็นเจดีย์เก่าแก่
ที่มีการสร้างเสริมต่อเติมมาหลายครั้ง สมัยที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรครั้งแรกนั้น
พระเจดีย์เป็นฐานกลม แต่มียอดเป็นปรางค์ ซึ่งเป็นส่วนที่ทำขึ้นใหม่
ยอดเจดีย์เดิมหักไป จึงให้ทำการบูรณะให้งดงามสูงใหญ่แล้วให้ชื่อว่า "พระปฐมเจดีย์"
จากการศึกษารูปแบบขององค์พระปฐมเจดีย์ในอดีตจากข้อมูลด้านต่างๆแล้ว อาจสันนิษฐาน
ได้ว่าพระเจดีย์องค์นี้คงจะมีรูปลักษณะที่แตกต่างกันไปตามยุคสมัยดังนี้
เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งชมภูทวีปเผยแพร่ทุทธศาสนามายังดินแดนสุวรรณภูมิโดยพระโสณะเถระ และพระอุตรเถระ เป็นสมณฑูต ทำให้เกิดการสร้างสถูปสำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าขึ้นณ เมืองโบราณของจังหวัดนครปฐมในอดีต
รูปร่างของสถูปคงเป็นลักษณะเดียวกับสถูปที่เมืองสาญจิ ในรัฐมัธยมประเทศ ภาคกลางของอินเดียในอดีต เป็นศิลปะสมัยคุปตะ มีความสูงประมาณ 37 เมตร (18 วา 2 ศอก) มีอายุล่วงมาแล้ว 2245 ปี
องค์พระปฐมเจดีย์รูปแบบที่ 1 น่าจะเกิดขึ้น ระหว่าง พ.ศ. 300 - 1000 ซึ่งมีข้อมูลประกอบ ดังนี้
* ระยะนี้อินเดียกำลังนิยมศิลปะแบบคุปตะ สถูปที่เมืองสาญจิ มีชื่อเสียงมาก เมื่อพระพุทธศาสนาจากอินเดียเผยแผ่เข้ามาในสุวรรณภูมิ มีการสร้างสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุขึ้น แบบสถูปก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกับของอินเดียสมัยนั้นด้วย
* หินและอิฐเป็นวัสดุที่นิยมนำมาก่อสร้างกัน แต่ที่นครปฐมเป็นภูมิประเทศที่ไม่มีภูเขาหิน วัสดุที่สร้างเป็นองค์เจดีย์ส่วนใหญ่จึงเป็นอิฐดินเผา การเคารพสถูปหรือพระธาตุ นิยมกระทำการเดินเวียนรอบ หรือ ทักษิณาวัตร สถูปแบบสาญจิจึงมีที่เดินเวียนรอบได้ทั้งตอนล่างและตอนบน รูปร่างจึงง่ายๆไม่ซับซ้อน เป็นทรงฟองน้ำรูปครึ่งวงกลมเป็นหลัก พระเจดีย์องค์แรกที่นครปฐมจึงควรมีลักษณะเดียวกันกับสถูปที่เมืองสาญจิในอินเดีย เมื่อมีอายุประมาณ 500 ปี ก็พังลง
องค์พระปฐมเจดีย์แบบที่ 2 น่าจะเกิดขึ้นในราว พ.ศ.1,000 - 1,600
หลังจากองค์แรกได้พังทลายลงแล้ว พุทธศาสนิกชนกลุ่มถัดมาได้มาสร้างเจดีย์ตรงที่เดิม
ในช่วงนี้กษัตริย์ราชวงศ์ปาละ แห่งอินเดียรุ่งเรือง รูปแบบศิลปกรรมใดๆ ไม่ว่าพระพุทธรูปและสถูปเจดีย์จะมีลักษณะต่าง จากราชวงศ์คุปตะที่แล้วมาบ้าง สมัยนี้เริ่มมีเรื่องของดอกบัว ซึ่งเป็นฐานที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งและเดินตามพุทธประวัติ เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการก่อสร้างเจดีย์ ฐานเจดีย์กลม และแปดเหลี่ยมทึบเป็นผนังหรือหน้ากระดานเป็นช่วงๆ แต่ละช่องอาจจะประดับด้วยภาพปั้นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปสลับกับฐานรูปกลีบบัว หรือ"บัววลัย" เป็นชั้นๆ ถัดขึ้นไปเป็นลานทักษิณาวัตรได้รอบองค์สถูป ตัวสถูปเป็นองค์ระฆังคว่ำ มีบัลลังก์สี่เหลี่ยมเป็นส่วนถัดไป ต่อด้วยส่วนยอดเป็นก้านฉัตร และตัวฉัตรทำเป็นชั้นๆลดหลั่นกันขึ้นไปจรดยอดดอกบัวตูม และอาจมีเจดีย์ขนาดเล็กรายรอบเจดีย์ประธานด้วย เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 500 ปี เจดีย์แบบนี้ก็พังลงทับถมที่เดิมทำให้มีกองดินกองอิฐขนาดใหญ่โตขึ้น
องค์พระปฐมเจดีย์แบบที่ 3 น่าจะเกิดขั้นในราว พ.ศ. 1,600 - 2,000
ในยุคนี้มีอารยธรรมของเขมร ซึ่งมีศาสนาพราหมณ์เป็นพื้นฐานในความเชื่อเรื่องเทพเจ้าเข้ามามีอิทธิพลต่ออาณาจักรทวารวดี ซึ่งนิยมพุทธศาสนาลัทธิหินยานเถรวาทอยู่ จึงเกิดการปรับปรน ความเชื่อทางศาสนา และสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่ต่างไปจากเดิมอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้มีความนิยมก่อสร้างเจดีย์เป็นปรางค์เกิดขึ้นทั่วไป ซึ่งอยู่ในสมัยอโยธยา (ก่อนกรุงศรีอยุธยา) องค์พระปฐมเจดีย์ก่อนหน้านี้ คาดว่าเป็นเจดีย์ยอดแหลม (แบบที่ 2) เมื่อนานเข้ายอดหักลง ผู้มาบูรณะยุคนี้มีความนิยมเจดีย์ยอดปรางค์ จึงได้บูรณะโดยต่อยอดจากฐานเดิม ให้เป็นปรางค์ ดังที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงพบครั้งแรกในป่า ห่างจากพระประโทณเจดีย์ 2 กิโลเมตร
องค์พระปฐมเจดีย์แบบที่ 4 เกิดขึ้นเพราะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพบเจดีย์ขนาดใหญ่ มียอดเป็นปรางค์ ก่อขึ้นไปบนเนินดินอยู่กลางป่า พิเคราะห์ดูแล้วว่าเป็นของโบราณ ชาวบ้านนับถือสักการะกันมาเป็นเวลายาวนาน เรียกว่า "พระธม" มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ภายใน ทรงเลื่อมใสศรัทธาแล้วทำการบูรณะให้มีความใหญ่โตถาวร เป็นการสืบพระพุทธศาสนาให้คู่กับชาติไทยสืบไป พระองค์โปรดเกล้าฯให้บูรณะเป็นเจดีย์ทรงลังกากลม สูง 120.45 เมตร นับว่าเป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในโลก ให้ชื่อว่า "พระปฐมเจดีย์" ตามหนังสือเก่าๆที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรพบ ห่อหุ้มเจดีย์ทั้งสามสมัยดังกล่าวไว้
ถ้าเดินเข้าไปในช่องบัวใบเทศ จะพบที่ว่างภายในเป็นทางให้เดินทักษิณาวัตรรอบพระปฐมเจดีย์องค์เดิมได้ แต่จะไม่เห็นผิวของเจดีย์องค์เดิมมากนัก เพราะมีการก่ออิฐหุ้มไว้ มีช่องขนาด 175 x 75 เซนติเมตรอยู่ทั้ง 4 ทิศ เปิดผิวเจดีย์องค์เดิมให้เห็นได้เล็กน้อย เมื่อเดือนธันวาคม 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามราชกุมาร เสด็จมาทำพิธีบรรจุพระพุทธรูปของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลงในช่องทิศตะวันออก
ขอขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอเมืองนครปฐม มหาวิทยาลัยคริสเตียน
----------------------------------------
ภาพเก่า องค์พระปฐมเจดีย์ในอดีต
----------------------------






















ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น