คลังบทความของบล็อก

1 พฤศจิกายน 2561

เปิดแผนยึดล้านนา

  




หนังสือ เปิดแผนยึดล้านนา เขียนโดย ผศ.ดร.เนื้ออ่อน ขรัวทองเขียว



 ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รัฐส่วนกลางไล่ผนวกรวมท้องถิ่นเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐที่เรียกว่า”สยาม”

เมื่อถึงคราวที่สยามพยายามจะ “กลืน” อาณาจักรล้านนา ได้เกิดผลกระทบในวงกว้างทั้งสยามและล้านนาเป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจากการแข็งขืนของท้องถิ่นล้านนา ทำให้สยามใช้เวลาถึง3 รัชกาล ถึงจะผนวกล้านนาเป็นส่วนหนึ่งได้สำเร็จ ซึ่งจำเป็นต้องใช้เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธ์ทางการเมืองในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเเยกเพื่อปกครอง ยึดอำนาจเจ้านายท้องถิ่น และปล่อยให้เจ้านายตกต่ำ รวมไปถึงความพยายามกลืนวัฒนธรรมล้านนาด้วยเช่นเดียวกัน




ในมโนคติการรับรู้เกี่ยวกับการปกครองแบบอำนาจรวมศูนย์ ที่เรียกว่าระบอบ “สมบูรณาสิทธิราชย์” นั้น เป็นเพียงการรับรู้ แค่ด้านเดียวในประวัติศาสตร์ กล่าวคือ ในกรณีของล้านนา สยามพยายามรวมอำนาจไว้ที่กรุงเทพฯ ซึ่งดูเหมือนว่าจะประสบ ผลสำเร็จภายหลังปราบกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ และการนำเสนอ ประวัติศาสตร์ล้านนามักจะหยุดลงเพียงเท่านี้

อย่างไรก็ตาม การ สร้างรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์และรัฐชาติสมัยใหม่ให้เกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องใช้กระบวนการทางสังคมรูปแบบอื่นๆ

หนังสือเล่มนี้นำเสนอกลยุทธ์และนโยบายของสยามที่ใช้ “กลืน” และ “ยึด” ล้านนา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวของผู้คน ซึ่งเป็นผลสะท้อนกลับจากการกระทำดังกล่าว อีกทั้งยังเป็น ความพยายามที่จะนำเสนออีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์ให้เป็น ประเด็นที่ใหญ่และน่าสนใจอย่างยิ่ง




การต่อสู้ทางการเมืองการปกครองระหว่าง 2 รัฐใหญ่ จะมีกลยุทธ์ใดบ้าง ฟาดฟันทางการเมืองกันหนักหน่วงเพียงไร คำตอบอยู่ภายในเล่ม

เนื้อหาหนังสือประกอบไปด้วย บทนำ ซึ่งเป็นการกล่าวถึงสภาพความเป็นอยู่ของล้านนาก่อนการมาถึงของเจ้าอาณานิคม บทที่1 อาณานิคม ผลกระทบและการปรับเปลี่ยน บทที่2 การสลายอำนาจท้องถิ่นด้วยวิธีการผสมระหว่างวิธีการของเจ้าอาณานิคมและวิธีการแบบรัฐจารีต บทที่3 มณฑลพายัพ ผลกระทบและการปรับเปลี่ยน บทที่ 4 การลบภาพความเป็นอื่นระหว่างล้านนาและสยาม และบทที่ 5 บทสรุป


 หนังสือ เปิดแผนยึดล้านนา เขียนโดย ผศ.ดร.เนื้ออ่อน ขรัวทองเขียว (เครดิตจาก หนังสือพิมพ์ มติชน)

ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก เว็บไซต์ Chiangmainews.co.th ,page Nheurfarr Punyadee ,หนังสือพิมพ์มติชน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น