Frank Serpico
“แฟรงค์ เซอร์ปิโก” (Frank Serpico) สุดยอดมือปราบตงฉินแห่งนครนิวยอร์ก
มือปราบเซอร์ปิโกเข้าร่วมเป็นหนึ่งในทีมตำรวจนิวยอร์ก (NYPD) เมื่อปี ค.ศ.1959 และได้ดำรงหน้าที่อันทรงเกียรตินี้อยู่นานถึง 12 ปี ความโดดเด่นของมือปราบเซอร์ปิโกที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือผลงานด้านการปราบปรามคอร์รัปชัน สิ่งที่เซอร์ปิโกสังเกตเห็นในองค์กรตำรวจของเขาก็คือเพื่อนร่วมงานที่เป็นมือปราบด้วยกันเองนั้นล้วน “รับส่วย” แทบทั้งสิ้น เรียกว่ายุคนั้นกินกันทั้งกรมของนิวยอร์กเลยก็ว่าได้ครับ แต่เซอร์ปิโกของเราเป็นตำรวจตงฉิน เป็นแกะขาวในฝูงแกะดำ เซอร์ปิโกไม่รับส่วยใดๆ และพยายามที่จะเปิดโปงพฤติกรรมของเพื่อนร่วมกรม นั่นจึงไม่แปลกครับที่เซอร์ปิโกจะไม่มีเพื่อนเลย เพราะเขาต้องสู้ทั้งกับฝ่ายผู้ร้าย และฝ่ายตำรวจด้วยกันเอง
Frank Serpico
ความบ้าระห่ำของมือปราบตงฉินอย่างเซอร์ปิโกก็คือการร้องเรียนเรื่องการคอร์รัปชันของตำรวจทั้งกรมที่เขาได้ประสบมาต่อผู้บังคับบัญชา จนสุดท้ายเขาก็สามารถที่จะแฉมุมทุจริตของวงการตำรวจนิวยอร์กได้ในที่สุด ทว่าในปี ค.ศ.1971 ระหว่างการเข้าตรวจค้นยาเสพติด เซอร์ปิโกถูกยิงโดยที่ไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็นับว่าโชคดีครับที่เขารอดมาได้ ทว่าก็ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียการได้ยินของหูข้างซ้ายไปในที่สุด
ในปี ค.ศ. 1973 ได้มีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “เซอร์ปิโก ตำรวจอันตราย” ขึ้น โดยมีอัล ปาชิโน (Al Pacino) แสดงนำในบทของเซอร์ปิโก ทำให้ผลงานของเขายังคงอยู่ในความทรงจำของคนทั่วโลก ภาพของอัล ปาชิโน ในบทของเซอร์ปิโกยังปรากฏให้เห็นอย่างแพร่หลายบนบังโคลนรถสิบล้อยุคนั้น นิยมกันไม่แพ้ภาพของวีรบุรุษนักปฏิวัติ เช กูวารา เลยล่ะครับ
เรื่องราวของ Frank Sepico ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์
ภาพด้านซ้ายคือ Frank Sepico ด้านขววาคือ Al Pacino ผู้แสดงเป็น Frank
การเคลื่อนไหวของเขาส่งผลกระทบในวงกว้างต่อวงการตำรวจ กระทั่งทางการได้จัดกรรมการสอบสวนพิเศษขึ้น ผลการสอบสวนในครั้งนั้นทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคน รวมถึงนายตำรวจ
ชั้นผู้ใหญ่ตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตโกงกินครั้งยิ่งใหญ่ของอเมริกา และมีผลให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งมหานครนิวยอร์กต้องลาออกจากตำแหน่ง เซอร์ปิโก ถูกยิงเข้าที่ใบหน้าขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยที่เขาเองก็ไม่สามารถระบุตัวตนผู้กระทำได้ เขาบาดเจ็บสาหัสอาการปางตาย แต่เขากลับรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ การถูกยิงของเซอร์ปิโกส่งผลให้วงการตำรวจเคลื่อนไหวลุกลี้ลุกลนกันยกใหญ่ เนื่องด้วยข้อสันนิษฐานของสังคมที่ว่า เป็นการกระทำของผู้ร้ายจริงๆ หรือเป็นการกระทำของคนในเครื่องแบบเดียวกัน ที่ต้องมีข้อถกเถียงกันอันเนื่องมาจากนิสัยความเถรตรงของเซอร์ปิโก้ ก่อเกิดศัตรูที่เป็นทั้งอาชญากรร้าย และศัตรูที่แฝงเร้นกายอยู่ในชุดสีเดียวกัน เขาโดดเดี่ยว หัวเดียวกระเทียบลีบ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ต้องมีการแต่งตั้งขณะกรรมการสอบสวนขึ้นเพื่อไขความจริง ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง Serpico มาจากความศรัทธาในตัวผู้ชม รวมไปถึงก้นบึ้งของประชาชนทั่วไปที่กำลังหมดหวัง เหนื่อยหน่าย และเอือมระอาต่อสภาพสังคมยุคนั้น Serpico ได้มอบทางออกที่เป็นรูปธรรมอันชัดเจนแก่พวกเขา เป็นฮีโร่ในแบบฉบับของคนดี เป็นตัวอย่างแก่พลเมืองในการยึดถือเป็นแบบอย่าง
‘Godfather’ ทำลายความเชื่อของอเมริกันชนว่า การเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสุจริตชนและมีอาชีพที่ถูกต่อกฎหมาย เป็นการทำให้สังคมอเมริกันหวาดผวาครั้งใหญ่หลวง แต่การมาถึงของ ‘Sepico’ เป็นการดึงศรัทธาของประชาชนกลับมาให้เชื่อถือและยึดมั่นในความดีงาม การปฏิบัติหน้าที่ตามครรลองและไม่ขัดต่อกฎหมายศีลธรรมบ้านเมือง ภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องมีนักแสดงระดับตำนานถ่ายทอดไว้อย่างยอดเยี่ยม การต่อสู้ของ แฟรงค์ เซอร์ปิโก ถือเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญของยุคสมัย เขาหันหน้าชนกับความสกปรกโสมมทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจสหรัฐอเมริกา ด้วยศรัทธาและอุดมการณ์ที่แน่วแน่ในการวาดฝันตั้งแต่วัยเด็กของเขาว่าโตขึ้นจะเป็นตำรวจที่ดี เป็นตำรวจในแบบที่ประชาชนรักและต้องการให้มีอยู่เพื่อปกป้องพวกเขา การมีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แบบเซอร์ปีโกอยู่สักเพียงหนึ่งคน เซอร์ปีโก มีเนื้อหาที่สอดคล้องกับเมืองไทยในหลายๆอย่าง ความจริงที่ไม่เคยปรากฏ ความอยุติธรรมบนความเหลื่อมล้ำของกฎหมาย และในท้ายที่สุดแล้ว นายตำรวจคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ ด้วยการแลกความดีงามกับการเฉียดซึ่งความตาย เราไม่สามารถปฏิเสธเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ และขอน้อมรับเรื่องราวภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์ ซึ่งยุคหนึ่งมันเคยส่งอิทธิพลต่อโลกของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างมหาศาล
“ข้าพเจ้าเชื่อว่าการทุจริตจะไม่บังเกิดขึ้น ถ้าผู้ใหญ่ไม่ยินยอมให้เกิดขึ้น”
-คำพูดตอนหนึ่งของเซอร์ปีโก้ ที่สะท้อนเข้าไปในหัวใจของอเมริกันชน
และสาเหตุที่เป็นขวัญใจรถบรรทุกเนื่องจาก Serpico เป็นตำรวจตงฉิน ซึ่งตรงข้ามกับตำรวจทั่วไปที่ชอบรีดไถตามท้องถนน ทำให้ ภาพ Serpico มักติดอยู่ตามท้ายรถบรรทุกในสมัยช่วงที่หนังเรื่องนี้กำลังดัง
ขอบคุณข้อมูลจาก เพจ William Lhue . บันทึกประวัติศาสตร์
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐโดย ณัฐพล เดชขจร , From Wikipedia, the free encyclopedia
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น